ไม่พบผลการค้นหา
ภาคีเครือข่าย 'ขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้' เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง หลังคำสั่งยกฟ้อง กทม. กรณีติดตั้งลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกสถานีบีทีเอสล่าช้า

วันนี้ (4 มี.ค. 2562) เป็นวันพิพากษาของศาลปกครองกลาง กรณีภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (Transportation For All) องค์กรคนพิการระดับชาติ และคนพิการ จำนวน 430 คน ยื่นฟ้องค่าเสียหายเป็นรายบุุคคล รวมเป็นเงินกว่า 1,400 ล้านบาท จากกรุงเทพมหานคร ฐานละเมิดไม่ติดตั้งลิฟท์ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ครบทุกสถานีของรถไฟฟ้าบีทีเอส ทันตามกำหนดของศาลปกครองสูงสุด ที่เคยพิพากษาไว้เมื่อปี 2558

นายธีรยุทธ สุคนธวิท ประธานเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ ระบุว่า จากการสำรวจสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งหมด 23 สถานี ล่าสุด พบว่ามีการติดตั้งลิฟท์สำหรับคนพิการครบถ้วนทั้ง 2 ฝั่ง เพียง 5 สถานีเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานทุกสถานียังไม่รองรับการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

ศาลปกครองยกฟ้อง กทม. 

ล่าสุด ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษา คดีที่กรุงเทพมหานครถูกฟ้อง 2 สำนวนกรณีไม่จัดทำลิฟต์รับส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการที่สถานีขนส่งทั้ง 23 สถานี ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อปี 2558 โดยผู้ฟ้องขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้กรุงเทพฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นกลุ่มคนพิการ

ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา แม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะได้จัดทำลิฟต์รับ – ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการในสถานีขนส่งเป็นบางสถานีแล้ว แต่เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีไม่ปฏิบัติ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้ครบถ้วนในสถานีขนส่งทั้ง 23 สถานี ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา คือ ภายในวันที่ 21 มกราคม 2559 จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดล่าช้าเกินสมควร

อันเป็นผลให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็น คนพิการ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากลิฟต์รับ - ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวในสถานีขนส่งทั้ง 23 สถานี เพื่อเดินทางหรือปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างบุคคลทั่วไป ตามสิทธิที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมาย อันย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวจากรัฐ

อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์รับ - ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการในสถานีขนส่งต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา ผู้ถูกฟ้องคดีต้องประสบปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่ทำให้ เกิดความล่าช้าจนเกินระยะเวลาตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

โดยผู้ถูกฟ้องคดีได้รายงาน ผลการดำเนินการพร้อมปัญหาอุปสรรคดังกล่าวให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครองทราบเป็นระยะๆ มาโดยตลอด อันเห็นได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

นอกจากนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีการขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมให้ครบทั้งสองฝั่งชานชาลา อันเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดียังคงมีแผนงานที่จะดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งลิฟต์เพิ่มเติมให้แล้วเสร็จต่อไป

กรณีนี้จึงเห็นได้ว่า แม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะปฏิบัติหน้าที่จัดทำลิฟต์รับ - ส่งคนพิการ อุปกรณ์ และ สิ่งอำนวยความสะดวกโดยตรงแก่คนพิการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดล่าช้าเกินสมควร และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีก็ตาม แต่เมื่อเหตุดังกล่าวมิได้เกิดจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ถูกฟ้องคดี จึงไม่ครบองค์ประกอบตามกฎหมาย อันจะถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี

ศาลปกครองกลางจึงพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวนคดี

ทั้งนี้ไทยพีบีเอสรายงานว่า ข้อมูลของกรุงเทพมหานคร พบว่า แบ่งการติดตั้งลิฟท์สำหรับผู้พิการแบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกดำเนินการเสร็จแล้วจำนวน 56 ตัวในฝั่งเดียว แต่ติดตั้งจริงได้แค่ 52 ตัว แต่อีก 4 ตัว ไม่สามารถติดตั้งได้ เนื่องจากติดปัญหาระบบสาธารณูปโภค 

ขณะที่เฟส 2 อยู่ระหว่างดำเนินการหาตัวผู้รับจ้างในการติดตั้งลิฟต์ หลังได้รับอนุมัติงบจากสภากรุงเทพมหานคร 250 ล้านบาท จะดำเนินการติดตั้งทั้งหมด 19 ตัว ใน 16 สถานี ซึ่งเป็นอีกฝั่งของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส คาดว่า หากได้ผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้วจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 300 วัน นับจากสัญญาที่เซ็นสัญญา

ผู้พิการยื่นอุทธรณ์ มั่นใจชนะ

นายมานิตย์ อินทร์พิมพ์ นักรณรงค์เพื่อสิทธิผู้คนพิการและผู้ประสานงานเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ กล่าวว่า กลุ่มผู้พิการเคารพเเละเข้าใจเหตุผลของศาล ที่จำเป็นต้องตัดสินตามข้อมูลที่มีอยู่ในมือ ในส่วนของคนพิการก็ต้องสู้ต่อไปตามช่องทางกฎหมาย คือ การยื่นอุทธรณ์ ภายใน 30 วันจากนี้

"ผมเชื่อว่าในชั้นอุทธรณ์ ศาลจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น"

นายมานิตย์ กล่าวว่า กลุ่มคนพิการจะหาเหตุผลในการต่อสู้ต่อไป เนื่องจากในข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่ปรากฎชัดเจนอยู่เเล้วว่าลิฟท์ ทางลาด และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานตามสถานีบีทีเอส ยังไม่เเล้วเสร็จตามศาลสั่งโดยสมบูรณ์ 

"ลิฟต์ไม่ครบ สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย เช่น ห้องน้ำคนพิการ เเต่ละสถานียังไม่มีเลย 23 สถานี ข้อเท็จจริงพวกนี้ชัดเจนอยู่แล้ว" นักรณรงค์กล่าว