ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือน้ำเหนือที่จะไหลตามแม่น้ำเจ้าพระยา มายังกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่าน้ำเหนือ เป็น 1 ใน 4 น้ำที่อาจทำให้กรุงเทพมหานครมีน้ำท่วม และน้ำเหนือถ้ามาพร้อมกับน้ำทะเลหนุน จะทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น ซึ่งปกติกรุงเทพมหานครมีคันกั้นน้ำ บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้ว โดยมีความยาวทั้งสิ้น 88 กิโลเมตร เป็นของ กทม.80 กิโลเมตร ของเอกชน 8 กิโลเมตร 

หากน้ำที่ระบาย ไหลเข้ามากรุงเทพมหานคร เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นถึงคันกั้นน้ำของกรุงเทพมหานคร และอาจไหลเข้าชุมชนได้ เพราะคันกั้นน้ำ กทม.ทำคันกั้นน้ำความสูงด้านบนไว้ 3.5 เมตร และด้านล่าง 2.8 เมตร 

ดังนั้นปัญหามี 2 เรื่องคือ 1.ถ้าน้ำไหลมามากกว่า 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ก็อาจไหลท่วมชุมชนได้ เหมือนกับปี 2554 ที่ระบายน้ำมากรุงเทพมหานครอยู่ที่ 2,200-2,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่ตอนนี้ข้อมูลจากกรมชลประทาน พบว่า น้ำที่ระบายมาจากทางเหนือ ระบายอยู่ที่ 1,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ยังถือว่าไม่อยู่จุดวิกฤติ ดังนั้น ต้องเฝ้าระวัง

ส่วนเรื่องที่ 2 คือจุดฟันหลอ ที่มีอยู่บริเวณคันกั้นน้ำมากกว่า 20 แห่ง แม้น้ำไม่สูงเลยคันกั้นน้ำ แต่น้ำจะไหลเข้ามาได้ ดังนั้น ตนได้สั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล้ว

และ กทม.กำลังจัดซื้อจัดจ้างเพื่ออุดฟันหลออีกประมาณ 10 จุด แต่อาจจะไม่ทันน้ำเหนือรอบนี้ แต่ในสัญญาระบุแล้วว่า ให้ผู้รับเหมาเตรียมกระสอบทรายไว้ป้องกันหากระดับน้ำเพิ่มสูง ซึ่งจุดฟันหลอจะมีปัญหา 2 ส่วน ส่วนแรกคือเป็นพื้นที่เอกชน ไม่ยินยอมให้ก่อสร้างคันกั้นน้ำ กทม. อย่างเช่นแถวถนนทรงวาด มีฟันหลอ 18 เมตรที่เอกชนไม่ยอมให้สร้างคันกั้นน้ำ และเป็นจุดที่น้ำท่วมหลักใน กทม. จึงเตรียมพร้อมให้วางแนวรอบพื้นที่เอกชนไว้แล้ว และสำรวจทุกจุดให้พร้อม อย่างน้อยให้ทัน 27 กรกฎาคมนี้ แต่ถ้ากรมชลประทานระบายน้ำจากชัยนาทวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ น้ำจะใช้เวลาเดินทาง 7 วัน มาถึงกรุงเทพมหานคร ดังนั้น น้ำที่ กทม.จะขึ้นสูงประมาณกลางเดือนสิงหาคม ถ้ามีน้ำทะเลหนุนก็ต้องเฝ้าระวัง แต่อยู่ในแผนที่สั่งให้ดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง