ไม่พบผลการค้นหา
‘ธัญวัจน์’ จี้ ภาครัฐเร่งประเมินผลกระทบ ‘ปิดประเทศชั่วคราว’ เพื่อหาทางเยียวยาภาคธุรกิจ แนะใช้ ‘หมอพร้อม’ จองคิว ‘วัคซีนเข็ม 3’ เสริมภูมิร่างกาย สร้างเกราะคุ้มกันให้ระบบเศรษฐกิจ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นภายหลังรัฐบาลมีมติออกมาตรการปิดประเทศชั่วคราว โดยระบุว่า เข้าใจดีถึงสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่หลีกเลี่ยงได้ยากและการออกคำสั่งดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจะต้องประเมินถึงผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆที่ลงทุนไปแล้วจากการขานรับนโยบายเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเขาเชื่อว่าจะไม่เป็นการเปิดแบบลักกะปิดลักกะเปิด หรือหากต้องปิดจริงก็จะมีแผนสำรองรับมือที่คิดเผื่อพวกเขาไว้ แต่เท่าที่ทราบและติดตาม ขณะนี้หลายธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว จากยอดจองที่คาดว่าจะเข้ามา เช่น ธุรกิจเสริมความงาม โรงแรม สปาต่างๆ หายไปทันทีจากมาตรการใหม่ที่ออกมา

เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจบันเทิงและคนกลางคืนที่คาดหวังจากนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วงปีใหม่ก็ต้องเจ็บหนักอีกครั้ง แม้ว่าจะมีมาตรการเยียวยาออกมาบ้าง 5,000 บาทให้กลุ่มนักดนตรีคนกลางคืน แต่เทียบกับ 2 ปีที่เขารับศึกหนักมา ตรงนี้จึงช่วยเขาไม่ได้เท่ากับการเปิดโอกาสให้ทำมาหากินด้วยตัวเอง ตอนนี้เราเห็นมาตรการทางสาธารณสุขออกมาแล้ว แต่ในส่วนมาตรการทางเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน ทำให้พวกเขามีความกังวลมาก รัฐบาลต้องรีบมีความชัดเจนในการโอบรับผลกระทบตรงนี้โดยเร่งด่วน

อีกประการหนึ่ง แม้ว่าจะมีการปิดประเทศชั่วคราวหรืออาจปิดต่อหลังจากนี้อาจยาวกว่า 4 ม.ค.65 ตามที่กำหนดไว้ แต่ประเทศไม่ควรเดินไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง หากควบคุมปัจจัยการรับเชื้อจากภายนอกได้และเตรียมความพร้อมภายในได้ดี เราอาจไม่ต้องเดินไปถึงจุดนั้น แม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลงต่อเชื้อโอมิครอน แต่อย่างน้อยที่สุด วัคซีนชนิด mRNA ยังถือว่ามีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงและยังจำเป็นต่อการป้องกันเชื้อชนิดเดลต้าที่ยังระบาดอยู่ ขณะนี้วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ยังคงดำเนินการฉีดได้น้อยทั้งที่มีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าประชาชนจำนวนมากที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข็ม หรือวัคซีนแบบไขว้ หรือวัคซีนแอสตราฯ 2 เข็ม แต่หากฉีดมานานแล้วมีงานวิชาการบ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพของภูมิจะลดลงมาก จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกัน อย่างน้อยที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับมาตรการควบคุมโรคที่เคร่งครัดขึ้นก็จะทำให้ประเทศไม่เดินไปสู่สถานการณ์ล็อกดาวน์

“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่จะทำให้ภาคธุรกิจเดินไปต่อได้โดยประเทศไม่ต้องล็อกดาวน์ คือ วัคซีนเข็มที่ 3 ที่ไปถึงแขนประชาชนโดยเร็ว ดังนั้น สิ่งที่ธัญอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลคือ ต้องเลิกนโยบายฉีดวัคซีนแบบรวมศูนย์ที่ให้ประชาชนไปฉีดได้ไม่กี่จุด เช่น สถานีรถไฟกลางบางซื่อหรือเอเชียธีค เพราะยิ่งระดมฉีดก็จะยิ่งแออัดและล่าช้าไม่ทั่วถึง สวนทางกับสถานการณ์ของโอไมครอนที่รู้กันว่าสามารถระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า ธัญจึงอยากเสนอให้การจองวัคซีนเข็มที่ 3 ต้องทำได้ในระบบ ‘หมอพร้อม’ เพื่อนัดฉีดแบบกระจายออกไปตามโรงพยาบาลต่างๆได้รวมถึงในต่างจังหวัด เข้าใจว่าขณะนี้เรามีสต็อกวัคซีนชนิด mRNA มากพอในระดับหนึ่ง ปัญหาจึงอยู่ที่ระบบการบริหารจัดการกระจายวัคซีนเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ให้เร็วที่สุด” ธัญวัจน์ ระบุ