ไม่พบผลการค้นหา
​นายกฯแพทองธาร สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว แก้ไขระเบียบกฎเกณฑ์ให้ยืดหยุ่น พร้อมอนุมัติงบฯ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยปี 67 อีก 8.6 หมื่นครัวเรือน วงเงินกว่า 781 ลบ.

วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงประเด็นการเยียวยา จากเหตุการณ์สถานการณ์แผ่นดินไหว ว่า ได้มีการติดตามเรื่องหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลางที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมบัญชีกลาง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันหาแนวทางที่เป็นไปได้ในการปรับแก้ไขระเบียบกฎเกณฑ์ ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเงินประกันที่ทางอาคารต่าง ๆ จะได้รับจากบริษัทประกันภัย

​นายกฯแพทองธาร กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการเสนอ ให้มีการปรับปรุง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวไม่เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายฐานการประกอบธุรกิจแห่งอนาคต อาทิ ธุรกิจ Start up ธุรกิจที่ต้องอาศัยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีขั้นสูงหรือในเทคโนโลยีการให้การบริการทางออนไลน์โดยเฉพาะการพัฒนา Application ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถ ศักยภาพในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบและอนุมัติตามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากมลพิษข้ามแดน มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ ขยะมูลฝอย ขยะอันตรายและรูปแบบอื่นๆ ของมลพิษผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันมลพิษข้าม

​นายกฯแพทองธาร กล่าวต่อว่า ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงปี 68 วงเงิน 7,404.34 ล้านบาท จำนวน 2,748 รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำเสนอและอนุมัติการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 67 เพิ่มเติมจำนวน 781.88 ล้านบาท จากงบกลางในปี 68 เพื่อนำไปใช้จ่ายให้กับกลุ่มผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 67 จำนวน 86,876 ครัวเรือน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

นอกจากนี้ ครม. ยังได้รับทราบรายงานจาก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่า องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ได้ยกระดับการบินของประเทศไทยจาก Category 2 หรือระดับ 2 ขึ้นเป็น Category 1 หรือระดับ 1 แล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสายการบินจากประเทศไทยจะได้รับอนุญาตให้สามารถบินตรงเข้าสหรัฐอเมริกาได้ ทำให้มีเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่สำคัญจะส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาสพัฒนาสนามบินของประเทศ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยกระดับสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น