ไม่พบผลการค้นหา
ประธานาธิบดี 'ไช่อิงเหวิน' ของไต้หวันเขียนบทความลงนิตยสาร 'ไทม์' ฉบับพิเศษ แบ่งปันวิธีการป้องกันการระบาดรุนแรงของโควิด-19 สำเร็จ

นิตยสารไทม์ฉบับพิเศษ "Finding Hope" รวบรวมความเห็นของบุคคลที่อยู่ในรายชื่อ 100 ผู้ทรงอิทธิพลของไทม์ ที่มีต่อวิกฤตการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เช่น 'บันคีมุน' อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ 'ดาไลลามะที่ 14' แห่งทิเบต 'ซุนดา พิชัย' ซีอีโออัลฟาเบท และประธานาธิบดี 'ไช่อิงเหวิน' ของไต้หวัน โดยบทความของไช่อิงเหวินมีชื่อว่า "How My Country Prevented a Major Outbreak of COVID-19" อธิบายถึงวิธีการที่ไต้หวันสามารถป้องกันการระบาดรุนแรงของโควิด-19 ได้สำเร็จว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ

ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินระบุว่า ความพยายามร่วมกันของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รัฐบาล ภาคเอกชนและสังคมในภาพรวมเป็นเกราะป้องกันของประเทศ บทเรียนที่เจ็บปวด ซึ่งไต้หวันเรียนรู้ระหว่างการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 ทำให้ทั้งรัฐบาลและประชาชนตื่นตัวเฝ้าระวังอย่างสูงตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว เมื่อมีข้อบ่งชี้ว่าเกิดโรคติดต่อทางเดินหายใจชนิดใหม่เริ่มปรากฏในจีน ไต้หวันก็เริ่มตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น

ต่อมาในเดือน ม.ค. ได้ก่อตั้งศูนย์บัญชาการกลางควบคุมการระบาดเพื่อดำเนินมาตรการป้องกัน ไต้หวันประกาศจำกัดการเดินทางและกำหนดระเบียบการกักตัวสำหรับนักเดินทางที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อไต้หวันพบผู้คิดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ก็ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อสืบย้อนไปยังประวัติการเดินทางและการติดต่อสัมผัสของผู้ป่วยทุกคน ซึ่งช่วยในการแยกตัวและควบคุมการแพร่กระจายของโรคก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ในชุมชน 

นอกเหนือจากความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่นำโดย 'เฉินสือจง' รัฐมนตรีสาธารณสุขแล้ว ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินระบุว่า พลเมืองไต้หวัน ธุรกิจและชุมชนต่างๆ ก็ร่วมดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมไวรัส 

ส่วนในเรื่องการป้องกันการกักตุนสินค้า รัฐบาลได้เข้าไปควบคุมการผลิตและการแบ่งสันปันส่วนหน้ากากอนามัย เพื่อให้แน่ใจว่ามีของในคลังสินค้าเพียงพอ ด้วยความร่วมมือของบริษัทเอกชน รวมถึงการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ร้านขายยาและห้างสะดวกซื้อต่างๆ ไต้หวันจึงสามารถเพิ่มกำลังการผลิตและสร้างระบบกระจายหน้ากากอนามัยตามโควต้าได้ ซึ่งนี่ทำให้หน้ากากอนามัยมีเพียงพอและราคาไม่แพงสำหรับทั้งโรงพยาบาลและประชาชน

โดยเธอเรียกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชนว่า "ทีมไต้หวัน" และนี่ยังทำให้ไต้หวันสามารถบริจาคหน้ากากอนามัยไปยังประเทศอื่นๆ ที่เผชิญการระบาดรุนแรงได้ 

ผู้นำไต้หวันยังระบุว่า โควิด-19 เป็นภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่ต้องการความพยายามร่วมกันจากทุกประเทศ ถึงแม้ไต้หวันจะถูกกีดกันอย่างไม่เป็นธรรมออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสหประชาชาติ (UN) แต่ไต้หวันก็ยังคงต้องการและสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมการผลิต การแพทย์ และเทคโนโลยีที่มีทำงานกับประชาคมโลก

พร้อมย้ำว่านี่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายต้องพักเรื่องความแตกต่างเอาไว้ก่อนและมาทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ และเหนืออื่นใดเธอหวังว่าไต้หวันจะสามารถร่วมแบ่งปันกับประชาคมโลก โดยศักยภาพของมนุษย์ในการร่วมกันเอาชนะความท้าทายต่างๆ นั้นไม่มีขีดจำกัด

ทั้งนี้ ไต้หวันอยู่ระหว่างกระบวนการบริจาคหน้ากากอนามัย 16 ล้านชิ้น ให้กับประเทศต่างๆ ที่เผชิญการระบาดหนักของโควิด-19 ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดในไต้หวันนั้นอยู่ที่ 395 ราย และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย 


อ้างอิง Time/Business Insider/Focus Taiwan/CNA

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :