เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ก.พ. พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ร่วมรับฟังนโยบายและการปราศรัยจากแกนนำพรรคเพื่อไทยจนเต็มพื้นที่กว่า 7,000 คน ทั้งนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยต่างสลับกันขึ้นปราศรัย
โดยนายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยเป็นคนแรก และนัดแนะ การกาบัตรลงคะแนนให้ประชาชนได้เข้าใจวิธีการ เพราะจากกติกาการเลือกตั้ง มีการเปลี่ยนแปลง การใช้ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมทำให้เหลือบัตรเพียงใบเดียว กาทั้งส.ส.เขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองด้วย ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชน ได้ทำความเข้าใจกับวิธีการลงคะแนน
นายประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยถึงแนวทางบริหารจัดให้น้ำ โดยเห็นว่าผู้มีอำนาจในปัจจุบัน แก้ไขปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขปัญหาที่ดิน โดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งมีปัญหามายาวนาน
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เห็นว่าที่มีปัญหามากที่สุด คือการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ รวมถึงการออกกฎหมาย ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและรัฐบาล ซึ่งสาระสำคัญพูดถึงกติกาและการควบคุม การทำมาหากินของชาวนา และการใช้อำนาจของหน่วยราชการ โดยไม่พูดถึงสวัสดิการของชาวนา ที่ต้องมีความชัดเจน
ชัยเกษมลั่น พท. วางแนวป้องกันรัฐประหาร
ขณะที่นายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุว่า กฎหมายที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารหลายฉบับมีปัญหา จึงต้องได้รับการตรวจสอบให้ถูกต้องเป็นธรรม และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นกติกาออกมาควบคุมกระทบการทำมาหากินต้องได้รับการสังคายนา ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะวางแนวทางป้องกันการรัฐประหาร ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายตุลาการ ให้บังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการรับโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่สามารถอ้างความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ได้
ขณะเดียวกันจะจัดตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ คำพิพากษาของศาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ในสิ่งที่ถูกต้อง สอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชน
นายวิทยา บุรณศิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย จ.พระนครศรีอยุธยา ขึ้นเวทีปราศรัยโดยชี้ให้เห็นว่า จ.พระนครศรีอยุธยา มีแรงกดดันจากฝ่ายผู้มีอำนาจ มีแรงดูดอดีตผู้แทน ให้ไปร่วมงานทางการเมือง แต่ตนเองยังคงแน่วแน่ อยู่กับพรรคเพื่อไทย ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้มีอำนาจ ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เช่นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกษตรกรต้องการราคาพืชผลทางการเกษตรที่สามารถดำรงชีพได้ แต่รัฐบาลกลับไปแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ชัชชาติ ขอดัน อยุธยา เป็นกรุงเทพฯ แห่งที่สอง
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เดินทางไปทั่วประเทศ มีโอกาสพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ทราบข้อเท็จจริงว่าทุกพื้นที่บ่นเรื่องปัญหาปากท้อง กำลังซื้อและรายได้หดหาย แนวโน้มทางเศรษฐกิจถดถอย มีผลกระทบในมิติทางสังคมและทำให้ปัญหายาเสพติดกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
นายชัชชาติกล่าวด้วยว่า ประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นพรรคการเมืองที่ทำให้ประชาธิปไตยกินได้ เป็นระบบที่มีตัวแทนของประชาชนเข้าไปสะท้อนปัญหา คอยรับใช้ประชาชน ประชาธิปไตยยังทำให้เกิดความมั่นใจ มีผลต่อการค้าการลงทุนและกำลังซื้อ
นายชัชชาติ เห็นว่า จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจุดศูนย์กลางโลจิสติกส์ของประเทศ ขนสินค้าทางเรือ กระจายสินค้าออกไปยังภูมิภาคต่างๆ มากกว่าปีละ 30 ล้านตัน มีมอเตอร์เวย์ มีรถไฟชานเมืองสายสีแดง อนาคต จ.พระนครอยุธยาจะเป็นกรุงเทพฯ แห่งที่ 2 จะเป็นเมืองแห่งความเจริญ จะกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการคมนาคม ศูนย์กลางอุตสาหกรรม ที่ผ่านมา จ.พระนครศรีอยุธยา ขาดการดูแล
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยมองเห็นอนาคตจะสร้าง จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เข้มแข็งไม่น้อยกว่ากรุงเทพฯ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญเพราะเป็นการเลือกตั้งเพื่ออนาคต
สุดารัตน์ ย้ำตั้งสถาบันพัฒนารายได้ทุกจังหวัด พักชำระหนี้ 3 ปี
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มา จ.พระนครศรีอยุธยาจะได้สิ่งที่ประทับใจกลับไปทุกครั้ง เพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย มีบุคลากรที่มีคุณภาพมากมาย ขอให้ประชาชนเลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยแบบยกจังหวัด
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรมีภาระหนี้สิน ถือเป็นความทุกข์ของเพื่อไทย ซึ่งเป็นผลมาปัญหาทางเศรษฐกิจ กระทบกำลังซื้อ เกษตรกรคนตัวเล็กตัวน้อย และไม่สามารถขายสินค้าทางการเกษตรให้มีราคาได้ ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเข้ามารับใช้ประชาชน จะเริ่มต้นจากการพักชำระหนี้ 3 ปี ราคาสินค้าเกษตรต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30เปอร์เซ็นต์ใน 6 เดือน ขณะเดียวกัน จะตั้งสถาบันพัฒนารายได้ทุกจังหวัด เพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนของคนตัวเล็ก
คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่า จ.พระนครศรีอยุธยาจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และพร้อมนำปัญหาที่พี่น้องเดือดร้อนทุกปัญหาไปแก้ไข เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นผู้รับใช้ประชาชนถือว่าประชาชนเป็นนายของพรรคเพื่อไทย โดยจะไม่ปล่อยให้พี่น้องยากลำบากเหมือน 4 - 5 ปีอีกต่อไป พร้อมขอให้ไปเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย เอาชนะเสียง ส.ว. 250 คน ขอให้ไปเลือกผู้สมัครเพื่อไทยแบบยกจังหวัดทั้ง 4 เขต เขตละไม่ต่ำกว่า 70,000 เสียง เพื่อให้ชนะขาด จึงจะสามารถชนะ 250 เสียงได้