ไม่พบผลการค้นหา
ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ YTD ตกไปแล้ว 24.79% ขณะ SET รั้งท้ายอันดับสองที่ 24.36% นักวิเคราะห์สะท้อนปัญหาสำคัญ คือพึ่งพิงตลาดโลกมากเกินไป

ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ปิดตลาดเมื่อศุกร์ที่ 30 ต.ค.หดตัว 1% ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา (YTD) ดัชนีของประเทศปรับลดลงทั้งสิ้น 24.79% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปรับตัวลดลงทั้งสิ้น 24.36% ในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นผลให้ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์ขึ้นแท่นตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพแย่ที่สุดในภูมิภาค 

จิงยี แพน นักกลยุทธ์จาก IG Asia Pte ชี้ว่า เศรษฐกิจของสังคโปร์อ่อนไหวต่อภาวะตลาดโลกอย่างมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนทั่วโลกต้องแบกความกังวลทั้งสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ ไปจนถึงวิกฤตโรคระบาดในฝั่งตะวันตกของโลกที่เลวร้ายลง 

นอกจากนี้ ธรรมชาติของหุ้นสิงคโปร์ถูกจัดอยู่ในประเภท ‘หุ้นวัฏจักร’ หรือหุ้นที่ราคาซื้อจายขึ้นลงตามวัฏจักรของเศรษฐกิจ โดยเมื่อใดที่เศรษฐกิจดี ผลประกอบการของบริษัทจะดีตามด้วย แต่หากเศรษฐกิจซบเซา ผลการดำเนินงานของบริษัทจะซบเซาตาม ซึ่งสิงคโปร์มีสัดส่วนหุ้นประเภทนี้สูงถึง 80% ของหุ้นรวมทั้งหมด และเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของประเทศในภูมิภาค 

เมื่อลงไปดูหุ้นในดัชนีของสิงคโปร์ พบว่า หุ้นจากสิงคโปร์ แอร์ไลน์ และ ComfortDelGro บริษัทด้านการขนส่งทางบกข้ามชาติ หดตัวไปถึง 46% และ 42% ตามลำดับ หลังโดนวิกฤตโควิด-19 เข้าแทรกแซงสายการดำเนินธุรกิจเรื่องการขนส่งและเดินทางเป็นหลัก 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นของสิงคโปร์ยังมีหนทางกลับมาได้ โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ สามารถผ่านมาตรการช่วยเหลือประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมได้ เนื่องจากจะทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น 

ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นบางประเทศของเอเชียกลับไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากอย่างมีนัยสำคัญ หรือสามารถฟื้นตัวกลับได้เร็ว อาทิ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของเกาหลีใต้ หรือ คอสปิ ที่มีสัดส่วนเป็นบวก 6.5% นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา 

อ้างอิง; Bloomberg, Yahoo Finance, BT, Nasdaq