วันที่ 28 ส.ค. ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาลว่าจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันใด ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะเป็นวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งหากรัฐบาลแจ้งมาก็พร้อมที่จะประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันและเวลาที่จะอภิปรายซักถามในเรื่องนโยบายที่รัฐบาลแถลง
ส่วนกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบาย ต้องดูจากที่ผ่านมาว่าใช้เวลาเท่าไหร่ และต้องรับฟังวิปของรัฐสภา ว่า สว. และ สส. ต้องการเวลาเท่าไหร่ โดยเฉพาะฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐบาลอยากจะใช้เวลาเท่าไหร่ รวมถึงฝ่ายรัฐบาลเองก็ต้องใช้เวลาตามสมควรในการชี้แจง
ขณะที่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่ยังมีความขัดแย้งกัน วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า โดยปกติตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ พรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และไม่ได้เป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ นั้น หัวหน้าพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้าน จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ ซึ่งต้องเสนอเข้าไปเพื่อโปรดเกล้าฯ ด้วย
แต่หากพรรคก้าวไกล ประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ก็ต้องแจ้งให้รัฐสภาทราบ เพื่อสละสิทธิ์ให้กับพรรคฝ่ายค้านที่ได้ สส. ลำดับรองลงมา เป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไป เพราะตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในสภา และเป็นหนึ่งในกรรมการสรรหาองค์กรอิสระทั้งหลาย หรือองค์กรกลางอื่นๆ รวมทั้งคณะกรรมาธิการของสภาด้วย จึงจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้านอยู่ในองค์ประกอบนี้
ส่วนพรรคฝ่ายค้านอันดับ 2 คือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหัวหน้าพรรค วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ก็ต้องดูลำดับถัดไป
อย่างไรก็ตาม แม้พรรคลำดับถัดไปมีเพียง 1 เสียง หากพรรคที่อันดับสูงกว่าไม่ขอรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคลำดับถัดไป ซึ่งคงต้องรีบดำเนินการ เพราะมีภารกิจที่ผู้นำฝ่ายค้านต้องทำ แต่ย้ำว่า ต้องให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ถ้าไม่ใช่หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้เป็น หรือถ้าหัวหน้าพรรคไม่ได้เป็น สส. ก็ต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งเข้าใจว่าพรรคการเมืองคงจัดการเรื่องนี้ได้ เหมือนในอดีตที่พรรคเพื่อไทยเคยเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อมารับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ
วันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวว่า ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ว่าจะต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ เมื่อใด พร้อมเมื่อไหร่ ทางสภาก็จะเสนอให้มีการโปรดเกล้าฯ ต่อไป
สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการต่างๆ นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล และพรรคใดจะต้องเป็นฝ่ายค้านบ้าง และได้มีการพูดคุยกับ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 แล้วว่าคงจะมีการเรียกประชุมภายในสัปดาห์นี้
โดยในการประชุมจะแจ้งว่าพรรคใดจะอยู่ในกรรมาธิการใดบ้างทั้ง 35 คณะ และคณะละกี่คนตามสัดส่วนของแต่ละพรรค แต่เรื่องที่ต้องคุยกันคือเรื่องที่พรรคใดจะเป็นประธานกรรมาธิการชุดใดตามสัดส่วน ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน จนแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้กรรมาธิการได้เข้าร่วมประชุมและแก้ไขปัญหาที่มีเข้ามาทุกวัน ส่วนกรรมาธิการวิสามัญ จะตั้งตามวาระที่สภาเสนอตามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น