ไม่พบผลการค้นหา
บทเรียนจากเลือกตั้ง 2562 ได้กลับมาฉายภาพซ้ำอีกครั้ง ผ่านการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ความผิดพลาดยิบย่อย ไปจนถึงผลกระทบต่อเจตจำนงในการเลือกตั้งของประชาชน ไอลอว์ชี้ 4 ข้อ ที่ กกต. ต้องเร่งแก้ไข ก่อนเลือกตั้งใหญ่นี้

บทเรียนจากเลือกตั้ง 2562 ได้กลับมาฉายภาพซ้ำอีกครั้ง ผ่านการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ความผิดพลาดยิบย่อย ไปจนถึงผลกระทบต่อเจตจำนงในการเลือกตั้งของประชาชน 

เครือข่ายภาคประชาชนที่ทำงานจับตาการเลือกตั้งและโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ได้รับรายงานปัญหาในการออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตของประชาชนในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 อย่างน้อย 589 กรณี และจำแนกออกมาเป็นปัยหา 7 เรื่องหลักๆ ดังนี้ 

ความผิดพลาดในการ #เลือกตั้งล่วงหน้า 

เจ้าหน้าที่จ่าหน้าซองบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิด 

กรรมการประจาหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) มีความเข้าใจในกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่คลาดเคลื่อน โดยเฉพาะขั้นตอนการเขียนรายละเอียดบนซองใส่บัตรเลือกตั้งที่ผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ระบุหมายเลขเขตเลือกตั้งผิด เป็นรหัสไปรษณีย์ และระบุเลขรหัสเขตเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งมีข้อกังวลว่าจะทำให้บัตรเลือกตั้งส่งกลับไปไม่ถึงเขตเลือกตั้งตามภูมิลำเนา โดยหากส่งไปผิดเขตเลือกตั้ง อาจทำให้ผลคะแนนไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่จนไม่อาจกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า เป็นความผิดพลาดเล็กน้อยของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) แต่เป็นปัญหาในเรื่องความเข้าใจกระบวนการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งควรจะต้องได้รับการฝึกอบรมการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันทั้งประเทศ อันเป็นเรื่องพื้นฐานของการจัดการเลือกตั้งที่ กกต. มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล

การเสียสิทธิ์ของผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า

แม้ว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิกว่าร้อยละ 91 นับเป็นจำนวน 2 ล้านคนโดยประมาณ แต่ยังเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ประชาชนที่มีความตั้งใจจะรักษาสิทธิในการเลือกตั้งของตน โดยเลือกใช้วิธีการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง แต่กลับไม่ได้ไปใช้สิทธิเป็นจำนวนกว่า 2 แสนคน ซึ่งนับได้ว่ามีประชาชนที่เสียสิทธิไปจำนวนมหาศาล และส่งผลกระทบสำคัญต่อผลการเลือกตั้ง

การที่มีประชาชนเสียสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากเช่นนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่มิอาจละเลยได้ จำเป็นจะต้องมีการทบทวนว่า การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา ได้มีการประชาสัมพันธ์ การอำนวยความสะดวก และการจัดมาตรการรองรับการใช้สิทธิที่เพียงพอต่อผู้มาใช้สิทธิจำนวนมากหรือไม่

อีกทั้งยังไม่พบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมาตรการที่เปิดให้ประชาชนได้มีโอกาสกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยมีข้อสังเกตเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2557 ที่เปิดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่อาจไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตามได้ลงทะเบียนไว้ สามารถไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในวันเลือกตั้งได้

ระบบลงทะเบียนล่วงหน้าขัดข้อง

ในวันสุดท้ายของการเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกเขตเลือกตั้ง (9 เม.ย. 2566) มีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถลงทะเบียนให้ทัน เนื่องจากเว็บไซต์สำหรับการลงทะเบียนเกิดเหตุขัดข้องตั้งแต่เวลาราว 21.00 น. นับเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามต่อการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งอาจคาดหมายได้ล่วงหน้าว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะใช้เวลาตัดสินใจ และเลือกลงทะเบียนในวันสุดท้ายเป็นจำนวนมาก ความผิดพลาดเช่นนี้ ทำให้ไม่อาจกล่าวได้ว่าการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า มีการเตรียมการอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการใช้สิทธิของประชาชนได้อย่างครบถ้วน 

ความสับสนต่อบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

เนื่องจากปีนี้ มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบคือ บัตรเลือกตั้งแบบเเบ่งเขต และบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ โดยบัตรสองใบนี้ มีหมายเลขของผู้สมัคร และหมายเลขของพรรคการเมืองคนละหมายเลขกัน และพบว่า บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ไม่ได้ระบุชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง และไม่ได้ระบุรายละเอียดของพรรคการเมือง นี่คือเรื่องพื้นฐานมากๆ ที่ กกต. ควรกระทำเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนสามารถไปใช้สิทธิ์ได้สะดวกที่สุด 

การจัดเตรียมสถานที่ในการเลือกตั้ง

หลายหน่วยเลือกตั้งมีการเลือกใช้และจัดการสถานที่ โดยไม่ได้เป็นไปตามหลักการรองรับความหลากหลายของผู้มาใช้สิทธิ กล่าวคือ ไม่รองรับการใช้สิทธิของผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพ เช่น ผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ และยังพบว่าหลายหน่วยเลือกตั้งไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ สำหรับการรับมือสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ผู้ใช้สิทธิจำนวนมากมีอาการวิงเวียน หน้ามืด และเป็นลม ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้

ปัญหาด้านเอกสารติดประกาศหน้าหน่วยเลือกตั้ง

การปิดประกาศเอกสารสำคัญหน้าหน่วยเลือกตั้ง เป็นหลักการพื้นฐานเรื่องความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถทำความเข้าใจการใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างครบถ้วน แต่มีการรายงานเป็นจำนวนมากว่ามีความผิดปกติ ซึ่งมีประเด็นที่ควรพิจารณาอยู่ 3 ประการ 

ประการที่หนึ่ง- เอกสารแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ซึ่งปรากฏว่ามีรายชื่อผู้สมัครบางพรรคหายไปจากกระดานปิดประกาศ  

ประการที่สอง- ตัวอย่างบัตรเลือกตั้งที่ติดประกาศหน้าหน่วยเลือกตั้งเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งไม่แสดงสีจริงของบัตรเลือกตั้งทั้งสองประเภท 

ประการที่สาม-เอกสารรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (ส.ส.5/5) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องระบุจำนวนบัตรเลือกตั้งทั้งหมดที่ได้รับมา และระบุจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น ซึ่งต้องปิดประกาศไว้ให้ประชาชนรับทราบก่อนเปิดให้ลงคะแนน ทั้งนี้ในหลายหน่วยเลือกตั้งพบว่า มีความผิดปกติของในหลายส่วน ดังนี้

  • ปิดประกาศล่าช้า หลังเปิดให้ลงคะแนนเป็นเวลานาน
  • ไม่ระบุรายละเอียดจำนวนบัตรเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งนั้นได้รับมา หรือกรอกตัวเลขจำนวนบัตรที่ได้รับ แต่กลับไม่ระบุเป็นตัวหนังสือที่ช่องข้อความด้านหลัง ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการกลับมาแก้ไขหรือไม่
  • ระบุข้อมูลรายละเอียดเอกสารไม่ครบถ้วน เช่น ไม่ระบุชื่อหน่วยเลือกตั้ง และสถานที่ตั้งหน่วยเลือกตั้ง

การละเลยความสำคัญของการจัดทำเอกสารเหล่านี้ ทำให้ไม่อาจกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้น เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

การสังเกตการณ์เลือกตั้ง

แม้ว่าโดยส่วนใหญ่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะให้ความร่วมมือกับการสังเกตการณ์ แต่ยังคงมีรายงานว่า มีหน่วยเลือกตั้งที่กรรมการประจำหน่วยยืนยันที่จะไม่อนุญาตให้อาสาสมัครเข้าสังเกตการณ์ รวมถึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพบรรยากาศการเลือกตั้ง หรือถ่ายภาพเอกสารซึ่งปิดประกาศอยู่ที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง แม้ว่าการกระทำนั้นจะมั่นใจได้ว่าไม่รบกวนต่อการลงคะแนนเลือกตั้ง และไม่กระทบต่อสิทธิหรือข้อมูลส่วนบุคคล แท้จริงแล้ว อาสาสมัครย่อมสามารถเข้าสังเกตการณ์กระบวนการจัดการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประจักษ์พยานในการยืนยันมาตรฐานด้านความโปร่งใส

4 ข้อที่ กกต. ต้องปรับปรุง ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม

1. กกต. ควรชี้แจงจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีการจัดการที่ผิดพลาด และชี้แจงวิธีการแก้ไขอย่างละเอียด พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อสร้างความกระจ่างแก่ประชาชนที่มาใช้สิทธิ โดยเครือข่ายฯ เชื่อมั่นว่ามีเพียงการยอมรับปัญหาและลงมือแก้ไขชัดเจนและโปร่งใสเท่านั้น ที่จะทำให้การนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ไม่มีจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นหรือลดลงในเขตเลือกตั้งใด กล่าวให้ชัดคือ จะไม่มีกรณีของบัตรเขย่ง 

2. กกต. ควรประกาศสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งจะมีการนับคะแนนในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทั้ง 400 เขต เพื่อให้ประชาชนที่ยังคงมีข้อห่วงกังวล จะได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนน 

3. เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตามกฎหมายเลือกตั้งระบุให้ มีการเปิดเผยรายงานผลการนับคะแนนรายหน่วยเลือกตั้ง (แบบ ส.ส.5/18) ทั้งคะแนนผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และคะแนนผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของทุกหน่วยเลือกตั้ง บนเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.จังหวัด ภายใน 5 วันนับจากวันเลือกตั้ง  เพื่อให้ความกระจ่างชัดต่อประชาชนยิ่งขึ้น จึงมีข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้เปิดเผยเอกสารสำคัญอีก 2 ฉบับ เพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของ กกต. จังหวัดไปพร้อมกัน ดังนี้ 

ฉบับแรก แบบรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับมาก่อนลงคะแนน (แบบ ส.ส.5/5) และฉบับที่สอง ประกาศรายการเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งเมื่อเสร็จสิ้นการออกเสียงลงคะแนน (ส.ส.5/7)

4. เน้นย้ำให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ให้ความร่วมมือการสังเกตการณ์การเลือกตั้งโดยประชาชน ทั้งการถ่ายภาพกระบวนการจัดการเลือกตั้ง และการบันทึกผลคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย ดำเนินไปด้วยความ โปร่งใส และ เป็นธรรม