นูมาน อะฟีฟี นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงานที่ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า การบุกจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ “สร้างบาดแผลในใจ และสร้างความกดดันอย่างมาก”
“ตำรวจศาสนาประมาณ 40 คน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานตำรวจ เข้ามายังที่จัดงานซึ่งมีผู้ร่วมงานประมาณ 1,000 คน พวกเขาปิดเพลงและสั่งให้เราหยุดเต้น” นูมานกล่าว
ในขณะเดียวกัน นูร์ เดลฮาน ยาฮายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของมาเลเซีย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า เขาสัญญาที่จะคุมเข้มการตรวจตราและปฏิบัติการในไนท์คลับมากขึ้น
นูมานกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งผู้เข้าร่วมงานออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ชาวมุสลิม และศาสนิกของศาสนาอื่น ทั้งนี้ จากผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด ตำรวจได้ตรวจผู้เข้าร่วมงานชาย 53 คน และหญิงอีก 9 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แยกตัวมุสลิม 20 คนจากกลุ่ม เพื่อส่งตัวไปยังกรมศาสนาอิสลามแห่งชาติ ทุกคนถูกปล่อยตัวในไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง แต่ถูกสั่งการให้มารายงานตัวอีกครั้งในสัปดาห์หน้าเพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
“บางคนถูกตั้งข้อหาแต่งกายไม่ตรงเพศสภาพ ในขณะที่บางคน รวมถึงผมด้วย ถูกตั้งข้อหาส่งเสริมการกระทำอันเป็นบาป” นูมานกล่าว
มาเลเซียมีระบบกฎหมายคู่ ซึ่งจะมีการใช้ศาลแพ่งและศาลอิสลามที่ใช้กฎหมายชารีอะฮ์กับคนมุสลิมมาเลย์ ซึ่งมีจำนวนถึง 60% ของประเทศ อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์ด้านศาสนาเหล่านี้ไม่ถูกบังคับใช้กับชุมชนชาวจีน อินเดีย และชาวต่างชาติ
การบุกทลายงานเลี้ยงของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศครั้งล่าสุด ได้สร้างการวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจในมาเลเซียอย่างมาก
คาร์เลส ซานติอาโก นักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า การบุกรุกของเจ้าหน้าที่เป็น “การคุกคามชุมชนคนชายขอบ”
“เมื่อไหร่เราจะเรียนรู้ที่จะเคารพและยอมรับผู้คนในแบบที่พวกเขาเป็นจริงๆ เสียที” ซานติอาโกทวีตข้อความ
ในขณะที่คนอื่นๆ ได้เรียกร้องให้มาเลเซียเลิกใช้กฎหมายที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
“คนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร” ซิติ คาสซิม ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี “การกดขี่และเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศต้องหยุดลงในทันที”
ที่มา: