สำนักข่าวไทยรายงาน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญหรือ "บิลลี่" กะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 80 แล้ว
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้พนักงานชุดสืบสวนและชุดสอบสวนลงไปทั้งในพื้นที่และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในวันที่ 7 ต.ค. นี้จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดและแจ้งความคืบหน้าของคดีให้รับทราบต่อไป
ส่วนที่ยังรออยู่ คือ สำนวนการสอบสวนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่งไปให้ ป.ป.ช. แล้ว แต่ ป.ป.ช. ยังไม่ส่งมาให้ดีเอสไอ ซึ่งต้องเร่งรัดติดตามเพราะสำนวนคดีดังกล่าวเป็นพื้นฐานที่จะต้องมาดูว่า ป.ป.ท. ได้สอบอะไรไปบ้างและมีอะไรที่ดีเอสไอจะต้องสอบเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว จะทำให้ได้ทราบว่า มีจำนวนผู้เกี่ยวข้องในคดีจำนวนกี่คน
ส่วนประเด็นวัตถุพยานของบิลลี่ที่สูญหายไป ทั้งรถจักรยานยนต์และกระเป๋าเป้ ตั้งแต่ดีเอสไอรับเรื่องไว้ก็ตรวจสอบพยานหลักฐานทุกอย่าง ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุและในวันเกิดเหตุว่ามีเหตุการณ์อะไรขึ้น และหลังเกิดเหตุ ซึ่งรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐานในสำนวนหมดแล้วแต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ขณะนี้หลักฐานทุกอย่างมีครบทั้งกล้องวงจรปิด การติดต่อสื่อสาร เพียงแต่รอหลักฐานทุกอย่างให้ครบถ้วนก็จะสรุปสำนวนได้
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังกล่าวถึงแรงจูงใจที่เชื่อมโยงถึงการฆาตกรรมนายบิลลี่ว่า หากถามคนในพื้นที่ก็จะพูดตรงกันถึงมูลเหตุและแรงจูงใจ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้เพียงหน่วยเดียว เพราะการทำคดีนี้ ทำในรูปของคณะกรรมการและสหวิชาชีพมาให้ข้อมูลและเป็นที่ปรึกษา ขณะเดียวกัน ก็ยังรอผลการตรวจสอบชิ้นกระดูกส่วนที่เหลือ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้วิธีการตรวจวิธีพิเศษ คาดว่าอีก 2 สัปดาห์จึงจะทราบผลการตรวจ
ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวของบิลลี่ ได้แจ้งกับ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาและญาติพี่น้องของบิลลี่ว่า ดีเอสไอเป็นห่วงในความปลอดภัย เนื่องจากบ้านที่อาศัยอยู่ห่างไกลและเดินทางไม่สะดวก และหากรู้สึกไม่ปลอดภัยให้แจ้งมาก็จะเพิ่มมาตรการดูแล ความปลอดภัยให้ แต่ตอนนี้เหตุการณ์ยังปกติดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง