ไม่พบผลการค้นหา
‘ธนาธร - ปิยบุตร’ ชี้คดีโอนหุ้นหวังผลการเมือง ตั้งข้อหาไม่เป็นธรรม เผยบันทึกข้อหามีเพียง 3 บรรทัดลอกจากสำนักข่าวอิศรา ด้านประธานอนุฯ ตอบไม่ได้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผิดตรงไหน ด้าน เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เตือน กกต. หากไม่ประกาศรับรอง 'ธนาธร' เป็น ส.ส. - แจกใบส้ม จะรับผิดชอบไหวหรือไม่

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เข้าชี้แจงกับอนุกรรมการไต่สวนของ กกต. เพื่อชี้แจงกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งอาจเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามการลงสมัครรับเลือกต้ัง ส.ส. โดยนายธนาธรใช้เวลาชี้แจงกับอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง

โดยนายธนาธร ระบุว่า คดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย หลัง กกต. ตอบคำถามในประเด็นต่างๆ ที่ตนสอบถามกลับไปไม่ได้ และพบว่าบันทึกข้อกล่าวหามีเนื้อหาเพียง 3 บรรทัด โดยเป็นคัดลอกข้อความจากสำนักข่าวอิศรา จากการตรวจสอบพบว่าหลายอย่างระบุไม่ชัดเจน เช่น รายละเอียดเรื่อง บมจ. 5 หรือ สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่ไม่ระบุวันที่ มีเพียงการระบุว่าตรวจสอบแล้วว่ามีชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งตามหลักการกฎหมาย บมจ.5 ไม่ใช่เอกสารหลักฐาน ว่าได้มีการโอนหุ้นไปแล้วเมื่อใด

นอกจากนี้ยังพบว่า กระบวนการตั้งข้อกล่าวหาไม่ได้เปิดโอกาสให้ตนชี้แจงข้อกล่าวหา มีเพียงเอกสารส่งไปยังนางสมพร จึงรุ่งเรื่องกิจ มารดาของตน ที่ได้รับการโอนหุ้นจากตน ซึ่งหนังสือมาถึงที่บ้านพัก เมื่อ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 13.45 น. แต่ให้มาให้ถ้อยคำกับ กกต. ในวันเดียวกัน เวลา 10.30 น. จากนั้นวันที่ 23 เม.ย. มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายธนาธร ซึ่งไม่เป็นธรรมสำหรับในฐานะผู้เสียหาย

นายธนาธร เปิดเผยว่า การชี้แจงวันนี้ส่วนใหญ่เป็นการชี้แจงตามเอกสาร แต่ที่ในการชี้แจงที่ตึงเครียดไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการชี้แจงเลย แต่คณะกรรมการไต่สวนที่มีนายปรีชา นาเมืองรักษ์ เป็นประธาน ไม่สามารถตอบคำถามพื้นฐานได้เลยว่าตนผิดตรงไหน หรือเอกสารไหนผิด หรือชิ้นใดที่ทำให้ กกต. ไม่เชื่อว่าโอนหุ้มสมบูรณ์ตั้งแต่ 8 ม.ค.แล้ว หลังเข้าชี้แจงเสร็จ ตนจึงเชื่อได้ว่าคดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ใช่มูลเหตุทางกฎหมายหรือความเป็นธรรม

ด้านนายปิยบุตร ยังตั้งคำถามถึงการทำงานของ กกต. ว่า หากการแจ้งข้อกล่าวหา นายธนาธรในครั้งนี้เกินเลยไปถึงการไม่ประกาศชื่อนายธนาธร เป็น ส.ส. หรือแจกใบส้ม ถือเป็นการตั้งข้อกล่าวหาโดยมิชอบ แล้ว กกต. ทั้ง 7 จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ทั้งนี้ยังเตือนว่า กกต. ต้องทำงานหน้าที่ต่อไปในฐานะองค์กรอิสระ อย่าหวาดกลัวกับแรงกดดัน เพราะความยุติธรรมและกฎหมายจะคุ้มครองท่านเอง คสช. เดี๋ยวก็ไปแล้ว แต่ กกต. ต้องอยู่อีกนาน และพวกตนเตรียมทำคำให้การเพิ่มอีก 1 ประเด็น

คือ การตั้งข้อกล่าวหาโดยมิชอบและขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีกับ กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จะรอ คสช. หมดอำนาจไปก่อน จึงจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี และนายปิยบุตรยังกล่าวว่า คณะกรรมการไต่สวนและ กกต. ไม่ใช่ผู้ช่วยการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ผู้กล่าวหา แต่ควรจะให้ผู้กล่าวหาบอกรายละเอียดมาว่าโอนหุ้นจริงหรือไม่ เมื่อไหร่ ไม่ใช่มาถามนายธนาธร หลักของกระบวนการยุติธรรมคือความเสมอภาคของคู่ความ

นอกจากนี้ นายธนาธร เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนกับแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ทั้งหมดมีคดีความ 16 คดี นับตั้งแต่ทำพรรคมา 1 ปี ซึ่งทำให้เสียประโยชน์กับประเทศ เสียเวลาในการปกป้องผลประโยชน์ให้กับประชาชน ที่ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาคดีต่างๆ และหากจะใช้วิธีการแบบนี้โจมตีกันทางการเมืองถ้าต้นหมดความอดทนและฟ้องกลับในคดีลักษณะเดียวกันรวมถึงการฟ้องร้องที่ไม่มีมูลเหตุข้อเท็จจริงถือว่าผิดกฎหมายผู้มีอำนาจก็จะเสียเวลากับการต้องมาชี้แจงคดีความต่างๆจนไม่มีเวลามาดูแลทุกข์สุขของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ตนขอสงวนสิทธิในการดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ และถ้าตนจะดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ ตนเป็นคนใจเย็น จะรอจนกว่า คสช. หมดอำนาจแล้วจะดำเนินการทางกฎหมาย มาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี เราทุกคนรู้ว่าขณะนี้ คสช. อยู่ในขาลง ไม่มีทางที่จะครองอำนาจอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ 

“เวลาอยู่ข้างประชาชน ผมจะรอจนกว่า คสช. หมดอำนาจแล้ว ถึงจะฟ้องดำเนินคดีความกับคนที่ตัดสินคดีผมโดยไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ ผมจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยฟ้องกลับเพื่อปกป้องสิทธิของผม”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง