นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่ยุบ กอ.รมน. หรือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จากข้อเสนอของพรรคก้าวไกล โดยเห็นว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินคาดของหลายๆคน

"มันสะท้อนให้เห็นชัดมากยิ่งขึ้นกับความยากลำบากที่การเมืองจะขจัดการแทรกแซงจากรัฐราชการ ที่มีหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะทหารยังคงมีบทบาทชักใยการทำงานการเมืองอยู่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคนที่สามารถชักใยได้ควรต้องเป็นประชาชนเท่านั้น ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลางของอำนาจสูงสุดของประเทศ และมติมหาชนส่วนมากคือตัวตัดสินใจว่าพี่น้องประชาชนต้องการอะไรในระบอบประชาธิปไตย"

นายกัณวีร์ เห็นว่า ท่าทีเช่นนี้เป็นการนำการเมืองกลับเข้ามาใต้ปีกรัฐราชการอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งใหญ่เมื่อต้นปี 2566 นี้ ที่มติมหาชนส่วนใหญ่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ทหารใช้กำลังยึดครองอำนาจทางการเมืองมากว่า 9 ปี แต่สุดท้ายผู้นำรัฐบาลชุดนี้ ที่ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน กลับมอบอำนาจคืนให้กับสถาบันที่กระชากอำนาจจากประชาชนไปเมื่อ 9 ปีก่อนไปอย่างง่ายดาย โดยการแอ่นอกรับอย่างมีนัยยะจากการแถลงถึงการไม่เห็นด้วยกับการยุบ กอ.รมน. 

"ที่น่าเศร้าที่สุด คือ การมอบอำนาจคืนให้ทหารครั้งนี้ ทำในนามรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาขน ไม่ว่าท่านจะใช้กลไกใดๆ ในการขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายบริหารก็ตาม แต่ท่านมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน"

นายกัณวีร์ มองว่าจริงๆ แล้ว กอ.รมน. เองไม่ใช่ตัวปัญหาด้วยตัวของตัวเอง แต่ต้องมองระบบกลไกความมั่นคงทั้งหมดของประเทศ กอ.รมน. เป็นแค่กลไกสำคัญหลักหนึ่งในหลายๆ กลไก ตนยังเชื่อว่าหากเราต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และแก้ไขปัญหาตามหลักการและเหตุผลที่พรรคก้าวไกลได้เสนอในการขอยุบ กอ.รมน. นั้น จึงเชื่อมั่นว่าการยุบ กอ.รมน. เพียงหน่วยงานเดียวคงยังไม่พอ

"เราควรมองโครงสร้างหน่วยงานความมั่นคงทั้งระบบ และต้องแก้ทั้งโครงสร้าง เราคงไม่สามารถเสนอการแก้หรือการยุบแค่ทีละกลไกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะถูกตีตกไปเรื่อยๆ ที่เราเห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเสนอการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ ปัจจุบันยังไม่คืบหน้า การปรับปรุงโครงสร้างตำรวจยังไม่ไปไหน คราวนี้เสนอการยุบ กอ.รมน. ตีตกไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย"

นายกัณวีร์ เห็นว่า หากเสนอยุบ กอ.รมน.ต้องดูโครงสร้างให้ครบองคาพยพ เพราะมีอีกมากมายหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทั้งระบบ ตนยังจำได้ตอนสมัยทำงานอยู่ สมช. สมัยที่มีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย มีนายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เคยมีความพยายามในการเสนอตั้งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คล้ายๆ กับ ' Homeland Security'ของประเทศสหรัฐฯ จึงไม่แน่น่าจะเอามาปัดฝุ่นอีกสักครั้ง

นี่ยังไม่รวมถึงการทำให้กองทัพทันสมัย โดยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดจำนวนกำลังพล และเพิ่มสวัสดิการต่างๆ อีกทั้งการบูรณาการและเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยข่าวกรอง และกระชับลดช่องว่างระหว่างหน่วยปฏิบัติและหน่วยนโยบายระดับชาติด้านความมั่นคง ฯลฯ

นายกัณวีร์ ย้ำด้วยว่า คำพูดของ นายกรัฐมนตรี ที่ว่า “ผมไม่ยุบ กอ.รมน. หากใครอยากยุบ ก็ลองเสนอเข้ามาเอง” อันนี้น่าคิดว่าน่าจะมีการเสนอญัตติการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานความมั่นคงทั้งระบบของไทย 

"ขอรับหน้าเสื่อเสนอหาแนวทางที่ว่านี้ละกันครับ ยังไงจะเอาข้อเสนอเรื่อง Homeland Security มาปัดฝุ่น และรวมถึงข้อเสนอการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงทั้งระบบอีกครั้ง แล้วจะเสนอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่อยากเห็นประเทศไทยเดินหน้า และไม่กลับไปอยู่ใต้ปีกรัฐราชการเหมือนเดิมครับ"

นายกัณวีร์ เสนอตัวขอปรับโครงสร้างหน่วยความมั่นคงไทย โดยย้ำว่า 'มนุษยธรรมต้องนำการเมือง' ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ แล้วประเทศชาติจะสามารถเดินหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย หากเราสร้างระบบการเมืองที่ดีแล้ว เราจะไม่อิงต่อตัวบุคคลว่าต้องเป็นใครที่ขึ้นมาสู่อำนาจ ใครก็ได้ที่เป็นผู้ที่ถูกเลือกที่แท้จริงจากมติมหาชนส่วนใหญ่ จะสามารถทำงานและนำพาประเทศไทยเดินหน้าไปได้ตามระบบที่ถูกสร้างให้ประชาชนคือเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเมืองต้องนำงานความมั่นคงให้ได้ 

"คนการเมืองต้องแสดงศักยภาพการทำงานด้านความมั่นคง ให้พี่น้องในหน่วยงานความมั่นคง มั่นใจว่าการเมืองรอบรู้และเข้าใจบริบทงานความมั่นคงอย่างถ่องแท้ แล้วพี่น้องหน่วยงานความมั่นคงจะวางใจคนการเมืองอย่างพวกเราเองครับ"

นายกัณวีร์ เชื่อว่า การปิดสมัยประชุมสภาเดือนกว่า คงทำให้สามารถเตรียมข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น และเตรียมเสนอเรื่องนี้อย่างแน่นอน