ไม่พบผลการค้นหา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผย เอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องหาคดีการเมือง ถูกส่งตัวแอดมิทที่ รพ.ราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการป่วย มีไข้สูง มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง รอผลตรวจจากแพทย์ต่อไป

8 ก.ย. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยว่า ทนายความได้รับแจ้งว่า เอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องขังคดีการเมืองที่คดีสิ้นสุดแล้ว ถูกส่งตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปแอดมิทยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากตรวจพบว่า มีไข้สูง ตัวและตาเหลือง

เบื้องต้นเอกชัยได้รับยาฆ่าเชื้อ และรอการตรวจอาการที่ชัดเจนจากแพทย์ต่อไป โดยเอกชัยจะยังต้องนอนรักษาตัวที่ รพ. ต่อไป

สำหรับเอกชัย เขาถูกศาลฏีกาพิพากษา ลงโทษจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. จากคดีโพสต์ประสบการณ์เรื่องเพศในเรือนจำ 

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อความที่โจทก์หยิบยกมาฟ้องเป็นเนื้อหาที่เอกชัยบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเรือนจำ รวมไปถึงประเด็นเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำชาย ที่เอกชัยเคยประสบมาระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลากว่า 2 ปี 8 เดือน โดยบอกเล่าเป็นซีรีส์ทั้งหมด 14 ตอน โดยข้อความที่ถูกกล่าวหาปรากฏในตอนที่ 9 

โดยศาลชั้นต้นคือ ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 1 ปี 

ต่อมา เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2565 ภายหลังจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ทำให้เอกชัยต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่นั้น โดยไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างฎีกาเรื่อยมา เป็นระยะเวลากว่า 154 วัน ซึ่งภายหลังเขา ได้รับการประกันตัวในการยื่นประกันครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2565 

ต่อมาศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา มีใจความสำคัญระบุว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพฤติการณ์ของจำเลยเห็นว่า จําเลยมีเจตนากระทําความผิดจริง เนื่องจากการโพสต์ใช้ถ้อยคำกล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ของจำเลยกับนักโทษชายอื่นในระหว่างต้องขังคดีอื่นในเรือนจำอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการผิดวิสัยของวิญญูชนผู้รู้ผิดชอบตามปกติพึงปฏิบัติ เป็นข้อความที่ไม่สุภาพ เข้าข่ายลามกอนาจาร และมีลักษณะยั่วยุกามารมณ์ 

นอกจากนี้ จำเลยยังเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะลงในเฟซบุ๊กของจําเลยเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดจริง ฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา 

อ่านรายละเอียดคดีได้ที่ https://tlhr2014.com/archives/57226