ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯรับรายการจาก คณะผู้แทนไทยทีมส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับบ้าน ทั้ง สมช. สตช. และ สอท.ปักกิ่ง ในภารกิจ ‘11 ปีที่เป็นไปได้สู่บ้านเกิด’ ยืนยันไม่มีการละเมิดสิทธิ ไม่ดำเนินคดีต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจากไทย

เช้านี้ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร รับรายงาน จากคณะผู้แทนไทยทีมส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับบ้าน ทั้ง สมช. สตช. และ สอท.ปักกิ่ง ในภารกิจ ‘11 ปีที่เป็นไปได้สู่บ้านเกิด’ ยืนยันไม่มีการละเมิดสิทธิ ไม่ดำเนินคดีต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจากไทย ขณะที่เลขาฯ สมช. ชุดใหญ่ประกบส่งถึงบ้าน เผยนับจากนี้ 15 - 30 วัน จะกลับไปดูอีกครั้ง ชี้ทุกคนแฮปปี้หลัง 11 ปี บ้านเกิดในมณฑลซินเจียงเปลี่ยนไป

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ เวลาประมาณ 08.30 น. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช.  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)โดย พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รอง.ผบ.ตร. และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ที่เดินทางไปพร้อมกัน เพื่อส่งชาวอุยกูร์ ที่อยู่ห่างไกลกลับไปพบกับครอบครัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยจะติดตามอย่างต่อเนื่องหลังรัฐบาลจีนให้ความมั่นใจอีกครั้งว่า พวกเขาคือพลเมืองจีนที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี โดยเลขาฯ สมช. มั่นใจว่าหลังจากเดินทางส่งชาวอุยกูร์ถึงบ้านแล้ว ได้วางกรอบไว้ว่าประมาณ 15 วัน – 1 เดือน คณะผู้แทนระดับสูงของไทย จะบินไปติดตามพันธสัญญาที่ทั้งสองประเทศให้ไว้ต่อกันอย่างต่อเนื่อง

โดยคณะชุดนี้รายงานว่า ได้อยู่สังเกตการณ์และตรวจสอบชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับสู่แผ่นดินแม่ในรอบ 11 ปี ที่เรียกว่า  11 Year Mission possible โดยชาวอุยกูร์ 40 เดินทางถึงเมือง “คาซือ” หรือ เมืองคัชการ์ มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับบ้านเกิดของชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวมากที่สุด โดยหลังจากได้รับการตรวจสุขภาพ และได้ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่อยู่ใกล้เมือง “คาซือ” ในระยะไม่เกิน 140 กิโลเมตร และกลุ่มที่อยู่ไกลจากเมืองคาซือกว่า 1 พันกิโลเมตร เนื่องจากมณฑลซินเจียง มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3เท่า รัฐบาลจีนจึงได้จัดยานพาหนะเพื่อส่งกลับไปตามบ้านเกิด ที่กระจายในหลายเมืองของมณฑลดังกล่าว

โดยในช่วง 14:00 น. เมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์) นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมคณะ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ได้เข้าไปสังเกตการณ์การเดินทางส่งกลับในจุดที่ห่างจากเมือง“คาซือ”ที่อำเภอ “เจียซือ” ห่างจากเมือง “คาซือ“ ประมาณ140 กิโลเมตร โดยมีชาวอุยกูร์ที่ผ่านการตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว โดยพวกเขาเหล่านั้นแสดงความดีใจ ที่ได้กลับมาพบกับครอบครัวและ บางคนเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับหลาน ๆสมาชิกใหม่ของครอบครัว ซึ่งบางคนสามารถพูดภาษาไทยได้บ้างก็ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา 

ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันเดียวกัน คณะผู้แทนไทยได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลประจำอำเภอ“เจียซือ”ในเมือง “คาซือ” โดยพวกเขาได้ฝากความระลึกถึงและขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ที่เข้ามาเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนารวมทั้งเลี้ยงอาหารฮาลาล ในระหว่างที่อยู่ในห้องกักของ สตม.

นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า“เท่าที่ตนเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเองพร้อม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะ รู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างชาวอุยกูร์กับเจ้าหน้าที่ของ สตม. ทำให้การส่งกลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย   โดยยืนยันในส่วนของการพิจารณาการส่งกลับในเรื่องนี้นั้น ประเทศไทยได้พิจารณาในทุกมิติ ประเทศไทยได้พยายามเจรจากับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 10ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัยของการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าว และการต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยสามารถเดินทางไปตรวจเยี่ยมภายหลังจากการส่งกลับได้แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จนมาในยุครัฐบาลปัจจุบันที่รัฐบาลจีนได้มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และการพบปะหารือระดับผู้นำประเทศในห้วงการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในโอกาสการสถานปนาความสัมพันธ์ไทย - จีน ครบรอบ 50 ปี ของนายกรัฐมนตรี  ทางการจีนก็ยืนยันในหลักการรับรองความปลอดภัยด้วยอีกครั้ง 

นอกจากนี้ เมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้จัดการแสดงวัฒนธรรมในย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร โดยหนึ่งในการแสดง นั้นมีการแสดงของชาวอุยกูร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของรัฐบาลจีนต่ออัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ด้วย ทั้งนี้ ก่อนการส่งกลับชาวอุยกูร์ จีนได้ส่งคลิปญาติพี่น้องของผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดของตนเองในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางกลับ เนื่องจากติดอยู่ในห้องกักมาเกือบ 10 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีน มาแปลเป็นภาษาอุยกูร์เพื่อให้ชาวอุยกูร์ในห้องกักดู  จนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจในท้ายที่สุด นายฉัตรชัยกล่าว

ด้านนายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเยือนจีนเพื่อสังเกตการณ์และตรวจเยี่ยมการส่งกลับชาวอุยกูร์ครั้งแรกของคณะผู้แทนไทยนั้นจะเดินทางกลับในวันอาทิตย์นี้  พร้อมสรุปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 7วัน โดยจะมีการติดตามตรวจสอบตามว่าชาวอุยกูร์ 40 คนที่กลับแผ่นดินแม่ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีสิทธิเสรีภาพต่อไป  ตามเจตจำนงของทั้งสองประเทศ  ส่วนการเดินทางครั้งที่ 2 เมื่อคณะดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทยและมีการสรุปรายงานเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจะกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้งในระยะเวลาประมาณ 15 ถึง 30 วันซึ่งรัฐบาลไทยยืนยันถึงความโปร่งใสและจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชนเดินทางร่วมในการตรวจเยี่ยมดังกล่าวด้วย