ยานเดกซ์.แท็กซี่ (Yandex.Taxi) บริษัทผู้ให้บริการแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย จะใช้เทคโนโลยีนี้ผ่านอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ติดกับกระจกหน้ารถร่วมกับซอฟต์แวร์ซึ่งพัฒนาโดยวิชันแล็บส์ (VisionLabs) สตาร์ทอัพรัสเซีย เพื่อตรวจจับ 68 จุดบนใบหน้า และวัดระดับความอ่อนล้าของคนขับจากสัญญาณต่างๆ เช่น การกะพริบตา การหาว และการโน้มตัวมาข้างหน้า
หากตรวจพบว่าคนขับอ่อนล้าเกินกำหนดจะระงับไม่ให้รับผู้โดยสารเพิ่ม โดยในปัจจุบัน ผู้ใช้บริการเรียกแท็กซี่ได้ผ่านทางแอปฯ ของยานเดกซ์เอง และแอปฯ ของอูเบอร์ หลังสองบริษัทควบรวมธุรกิจกันเมื่อปีที่แล้ว
ยานเดกซ์ ได้นำร่องทดสอบระบบตรวจจับใบหน้านี้ในแท็กซี่ 100 คัน และโชว์เทคโนโลยีนี้ให้วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียชมแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม ทางยานเดกซ์เผยว่าจะปรับใช้มาตรการนี้กับแท็กซี่อีกหลายพันคันเร็วๆ นี้
มาตรการนี้สืบเนื่องจากร่างกฎหมายของสภาดูมา หรือสภาผู้แทนราษฎรของรัสเซีย จะเริ่มกำกับดูแลการทำงานของแอปพลิเคชันของแท็กซี่อย่างยานเดกซ์ เพื่อยกระดับความปลอดภัย เนื่องจากจำนวนอุบัติเหตุจากแท็กซี่เพิ่มขึ้นในกรุงมอสโก
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนรัสเซีย เผยว่าในปี 2018 กรุงมอสโกมีอุบัติเหตุที่แท็กซี่มีส่วนเกี่ยวข้องถึง 764 ครั้ง สูงขึ้น 20.5 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2017 ซึ่งมีอุบัติเหตุจากแท็กซี่ 607 ครั้ง โดยในปี 2018 มีผู้บาดเจ็บ 900 คน และผู้เสียชีวิต 23 คน
ในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายเองก็ได้เปิดตัวระบบตรวจจับใบหน้าลักษณะนี้ไปแล้ว โดยรถซูบารุฟอเรสเตอร์ (Subaru Forester) รุ่นปี 2019 ก็มีระบบชื่อไดรฟ์เวอร์โฟกัส (Driver Focus) ซึ่งตรวจจับสัญญาณอาการอ่อนล้าของผู้ขับ ทางด้านรถยนต์ซีดาน คาดิลแลก ซีที6 (Cadillac CT6) ซึ่งเปิดตัวในปี 2017 ก็ใช้แสงอินฟาเรดในการจับตำแหน่งศีรษะว่าตั้งใจขับรถอยู่หรือไม่ ก่อนจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับหันกลับมาจดจ่อกับท้องถนนอีกครั้ง
ที่มา: Engadget / Bloomberg / RG / Trusted Reviews
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: