ไม่พบผลการค้นหา
อดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ชี้การปฏิรูปกองทัพ คือเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยก้าวไปบนทางประชาธิปไตยได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีพลังถ้าประชาชนรู้สึกว่าการแก้จะตอบสนองความต้องการ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

นายสมชาย หอมลออ อดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวในเวทีสาธารณะ ครั้งที่ 2 ของ 30 องค์กรประชาธิปไตย ในประเด็น "การปฏิรูปสังคม-เศรษฐกิจ-การเมืองไทย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย" โดยระบุว่า ประเทศไทยผ่านทั้งวิกฤตและโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตยได้ ทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 แต่ยังไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้ โดยมองว่าสาเหตุสำคัญอยู่ที่การไม่สามารถรักษาพลังการเปลี่ยนแปลงสังคมที่เกิดขึ้นมาเอาไว้ได้

ขณะที่ รัฐธรรมนูญปี 2560 วางกลไกและกับดักไว้จำนวนมาก เพื่อให้แก้ไขได้ยาก แต่บางทีโอกาสมาโดยที่ไม่ได้คาดหวัง ซึ่งโอกาสที่ว่างบ้างมาจากวิกฤตเสมอ ทั้งภาวะรัฐบาลที่ค่อนข้างอ่อนแอและเปราะบาง ซึ่งไม่รวมกองทัพและสถาบันอนุญาตนิยมต่างๆ ในระบบราชการที่ค้ำจุนรัฐบาลชุดนี้อยู่ และปัญหาเศรษฐกิจที่อาจสร้างโอกาส

ดังนั้น การปฏิรูปกองทัพจึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญมาก ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าบนทางประชาธิปไตยได้ รวมถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่เมื่อครั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ก็ปฏิรูปได้เพียงครึ่งครึ่งกลางกลางแต่ การพยายามให้ศาลเป็นผู้ออกหมายก็มีแรงเสียดทาน ขณะที่ปัจจุบันแม้มีการพูดเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่ยังจำกัดวงอยู่กับการปฏิรูปตำรวจหรือกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นเท่านั้น ยังไม่มีการพูดถึงกระบวนการพิจารณาคดี ทั้งประเด็นอำนาจศาลปกครอง ที่ถูกดึงไปไว้ที่ศาลยุติธรรม และคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาของศาลปกครองในหลายเรื่อง ไม่มีผลในการบังคับใช้หรือปฏิบัติ เพราะการละเลยของฝ่ายบริหาร

พร้อมกับเสนอว่า การขับเคลื่อน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีพลัง เมื่อประชาชนรู้สึกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอบสนองความต้องการหรือ ได้รัฐธรรมนูญที่กินได้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญของการขับเคลื่อนและนำเสนอต่อประชาชนเพื่อให้มีแรงสนับสนุน และสิ่งที่ต้องตระหนักจากบทเรียนรัฐธรรมนูญปี 2540 คือ บางทีการเสนอไปแล้วไม่มีผล จึงต้องเอาบทบัญญัติหรือแนวคิดที่ไม่อาจจะบิดพลิ้วได้ในการปฏิรูปด้านต่างๆ ไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องเกรงว่ารัฐธรรมนูญจะยาวหรือสั้นขนาดไหน