1 มี.ค.2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงสรุปผลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ , หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และที่ สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.โดยยืนยันว่า การควบคุมความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติปกติ หลังมีการแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม

ทางตำรวจเห็นว่าสถานการณ์มีการใช้ความรุนแรง เสี่ยงเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงจำเป็นต้องใช้ปืนยิงกระสุนยางเพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยยอมรับว่านับเป็นครั้งแรกในการระงับเหตุด้วยวิธีการนี้ อีกทั้งยังยืนยันว่าอุปกรณ์ทุกอย่างที่นำไปใช้ควบคุมฝูงชนเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตและไม่มีอันตรายถึงชีวิต ผู้ใช้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีการตัดสินใจใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อยุติสถานการณ์ให้เร็วที่สุด

"การใช้กระสุนยาง ใช้ตามความจำเป็น เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดรุนแรงเพิ่มมากขึ้น" ผบช.น.

แจ้ง 6 ข้อหาผู้ชุมนุม

• ตำรวจควบคุมตัวผู้ชุมนุม

สำหรับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า มีการจับกุมผู้กระทำความผิดในที่เกิดเหตุ 22 คน แบ่งเป็น 18 คนส่งไปควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 และ 4 คน ถูกส่งไปควบคุมตัวที่ สน.ดินแดง เบื้องต้นมีการแจ้งข้อหา พ.ร.บ.ควบคุมโรค, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พรบ.เครื่องขยายเสียง, และจะแจ้งข้อหาต่อผู้ชุมนุมบางส่วนในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฎิบัติตามหน้าที่ และร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน โดยจะแยกการดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์ความผิด

ปูนบำเหน็จ-มอบเงินเยียวยา ตร.เสียชีวิต

ขณะที่พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจกับตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฎิบัติหน้าที่ โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมศพและขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้ผู้เสียชีวิต ส่วนการปูนบำเหน็จจะมีการเลื่อนยศ 3 ชั้นยศ และเลื่อนขั้นเงินเดือน 3 ขั้น โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมอบเงินเยียวยาซึ่งนำมาจากเงินสหกรณ์กองบัญชาการตำรวจนครบาล, เงินค่าฌาปนกิจศพ และเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิต่างๆ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรวมเป็นเงิน 2.7 ล้านบาท และให้สิทธิกับทายาทในการบรรจุเข้าเป็นข้าราชการตำรวจด้วย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความเป็นห่วงและกำชับเรื่องการดูแลเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ด้วย

ภรรยาเผยความผิดปกติด้านร่างกาย ตร.เสียชีวิต

สำหรับการเยียวยาให้ครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ที่ สน.ธรรมศาลา นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจ กชกาญจน เทพอาษา ภรรยาร.ต.อ.วิวัฒน์ สินเสริฐ โดยภรรยาผู้เสียชีวิตระบุว่า สามีเป็นคนจริงจังต่อการปฏิบัติหน้าที่ และทำงานหนักมาก ไม่เคยไปสาย ทำงานตลอดเวลา และไม่ค่อยลาหยุดงาน เมื่อ 4 เดือนก่อน ตนสังเกตเห็นความผิดปกติของสามี และเคยเตือนให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแต่สามีก็ไม่ยอมไป อ้างเหตุผลติดภารกิจที่ต้องดูแลการชุมนุมจนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

"เตือนเขาแล้วเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้ว บอกพี่สาวเขาว่าไม่ไหวแล้วนะ ตรวจสุขภาพเราก็บอกให้เขาไป เขาก็ไม่ไป เขาบอกมีภารกิจ ภายในครึ่งชั่วโมงต้องไปให้ถึง"

สำหรับประวัติการเข้ารับราชการของร.ต.อ.วิวัฒน์ เริ่มเข้ารับราชการที่ สน.ธรรมศาลา เมื่อปี 2547 ได้รับตำแหน่งเป็นจ่าสิบตำรวจในปี 2551 ตลอดอายุราชการส่วนใหญ่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ สน.ธรรมศาลา จนได้รับตำแหน่งรองสารวัตรปราบปราม

พบเบาะแสผู้ต้องสงสัยปมเผาพระบรมฉายาลักษณ์

• มวลชนม็อบ REDEM

สำหรับอีกเหตุการณ์ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเผาพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ทางตำรวจแถลงว่า เบื้องต้นมีการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. โดยฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริง เพื่อหาว่ามีใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุบ้าง จากข้อมูลทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือคนที่มีประวัติและอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ส่วนจะมีใครที่เกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลัง จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อีกคร้ั้งในช่วงเย็นวันนี้

ผบ.ตร. ยันไม่ได้สลายการชุมนุม 

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมและมอบเงินบำรุงขวัญข้าราชการการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เหตุชุมนุม โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวถึงกรณีตำรวจเสียชีวิตและมีกระแสข่าวออกมาว่าใช้กำลังพลโดยที่ไม่ได้มีการพักผ่อน ว่า ใช้กำลังตามห้วงเวลาปฏิบัติงาน แต่ว่างานตำรวจมีเยอะ จะบอกว่าใช้โดยไม่ได้พักผ่อนคงเป็นการหาเรื่องกัน 

• พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.

เรื่องการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมยังยืนยันหลักการเดิม ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ตำรวจพยายามหาความสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง จริงๆ ไม่มีใครต้องอยากให้เกิดความรุนแรง ตำรวจไม่เคยสนับสนุนเรื่องการใช้กำลัง แต่เมื่อจำเป็นก็ต้องบังคับ สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดความรุนแรงก็ต้องเรียนรู้ไปทุกครั้งว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ล่าสุดจะเห็นว่า จากที่เคยมีแกนนำ รถเครื่องขยายเสียง มีการควบคุมมวลชน ครั้งนี้หายไป และจะมีกลุ่มหนึ่งที่เริ่มใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่เลย ตนไม่ขอพูดว่าเป็นเรื่องเจตนาหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งใจที่จะทำแบบนั้น 

จับผู้กระทำผิดซึ่งหน้า

เมื่อถามว่าการใช้อาวุธในการควบคุมฝูงชนระดับสูงสุดเป็นอาวุธชนิดใด พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า อาวุธไม่มีสูงมีต่ำ อยู่ที่คุณสมบัติว่าจะใช้กับสถานการณ์อะไร ถ้าถามว่าระหว่างกระบองกับกระสุนยาง อันไหนรุนแรงกว่ากัน ตอบไม่ได้ หากใช้กระบองตีเข้าตรงจุดที่ไม่ควรตีก็รุนแรง ในขณะเดียวกันหากใช้กระสุนยางยิงในสิ่งที่สมควรยิงก็ไม่รุนแรง เพราะกระสุนยางใช้กับเป้าหมายที่มีระยะไกล หากระยะประชิดต้องใช้กระบอง ทั้งนี้อุปกรณ์มีคุณสมบัติประจำตัว ไม่มีการเรียงลำดับใช้ก่อนหลัง ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ขณะนั้นต้องใช้อะไร คนที่อยู่ระยะไกลใช้หนังสติ๊กยิงใส่ตำรวจ จะให้เอากระบองไปตีมันไม่ถึง แต่ของที่เราใช้ทุกอย่างเป็นมาตรฐานสากล ใช้ในการควบคุมฝูงชน และครั้งนี้ไม่ได้สลายการชุมนุม แต่เป็นการจับกุมคนที่กำลังใช้ความรุนแรงซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า

แจงยิงเพื่อหยุดไม่หวังผลเกิดอันตราย

• ตำรวจ-มวลชน เผชิญหน้า

เมื่อถามว่ากรณียูเอ็นออกมาตำหนิการใช้กระสุนยาง แม้จะเป็นหลักสากลแต่ตำแหน่งที่ยิงต้องไม่ยิงเข้าลำตัว แต่ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมโชว์บาดแผลถูกยิงกลางลำตัว ผบ.ตร. กล่าวว่า ยูเอ็นไหนที่บอก ช่วยไปหาให้หน่อย มันอยู่ที่ว่าจะยิงตรงไหนที่จะทำให้เขาหยุด แล้วไม่ทำให้เกิดอันตรายเกินเหตุ ต่อข้อถามที่สังคมมองว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์บานปลายเนื่องจากตำรวจเลือกใช้กระสุนยาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ชี้แจงว่า เราเลือกใช้เมื่อจำเป็น ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปยิงใคร ก็ต้องดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรถึงต้องใช้ ส่วนกรณีมีภาพตำรวจเตรียมปืนช็อตไฟฟ้ามาด้วยนั้น มีการเตรียมมาจริงแต่ไม่มีใครใช้

"เราให้ทีมงานเตะฟุตบอลในสนาม เราก็ต้องบอกว่าอย่าไปฟาวล์เขา แต่บางครั้งท่านก็เห็นนักฟุตบอลไม่ไหวก็เตะฟาวล์ก็มี ถูกใบแดงถูกไล่ออก แต่โดยหลักไม่ควรมีเรื่องอย่างนี้ ผมถึงได้ย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องนี้ ถ้ามีใครได้เริ่ม โอกาสที่คุมจะยาก ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ใครทำผิดก็ว่าไป"

เมื่อถามว่าต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามีบทเรียนอยู่แล้ว ส่วนถ้าเป็นคดีความก็มีการแจ้งกันไปกันมาอยู่แล้ว คงทำเป็นหลักปฏิบัติอยู่แล้ว เมื่อถามถึงการจับกุมผู้ชุมนุมผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถตอบได้ว่าจะถูกควบคุมตัวไปที่ใด พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า โดยหลักปฏิบัติคนที่สั่งการก็จะรู้ แต่บางทีผู้ปฏิบัติเด็กๆ อาจจะไม่ทราบ เดี๋ยวจะพยายามประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น

เผยยอดผู้บาดเจ็บ-สรุปสถิติผู้ถูกคุมตัวรอบ 5 เดือน

ด้าน ศูนย์เอราวัณสรุปข้อมูลผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณกรมทหารราบที่ 1 รอ. เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 64 มีนำส่งโรงพยาบาลจำนวน 33 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 23 ราย ประชาชน 10 ราย แบ่งเป็น โรงพยาบาลตำรวจ 22 ราย , โรงพยาบาลราชวิถี 7 ราย (เจ้าหน้าที่ 1 ราย เสียชีวิต), โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 ราย, โรงพยาบาลพระรามเก้า 1 ราย, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 1 ราย

ขณะที่ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดสถิติผู้ถูกจับกุมนับตั้งแต่การชุมนุม 13 ต.ค. 2563-28 ก.พ. 2564 อันเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมือง ทั้งผลพวงจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร และหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

มีผู้ถูกคุมตัวและสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด. ภาค 1) จังหวัดปทุมธานี อย่างน้อย 130 ราย มีทั้งประชาชนและสื่อมวลชนถูกจับกุม โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

• ในจำนวนนี้ ถูกจับกุมนำตัวไปควบคุมและแจ้งข้อกล่าวหาที่ บก.ตชด. ภาค 1 จำนวน 126 ราย 
• มีแกนนำถูกจับกุมนำตัวไป บก.ตชด.ภาค 1 จากนั้นนำตัวขึ้นเครื่องต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และแจ้งข้อกล่าวหาที่กองบิน 41 จำนวน 2 ราย 
• มีผู้ถูกจับกุมและนำตัวไปที่ บก.ตชด. ภาค 1 จากนั้นนำตัวไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.คลองหลวง ในภายหลัง 1 ราย 
• มีผู้ถูกจับกุมและควบคุมตัวไป บก.ตชด. ภาค 1 แต่ไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย

ข้อมูลอ้างอิง

• ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน
• ศูนย์เอราวัณ

อ่านเพิ่มเติม

• 'มวลชน REDEM' เคลื่อนขบวนสู่ 'บ้านพักหลวงประยุทธ์'-'ตร.' ฉีดน้ำสลาย
• นายกฯ แจง จนท.จัดการม็อบตามหลักสากล ขอสื่อนำเสนอข่าว 2 ด้าน
• แนวทางปฏิบัติว่าด้วยการบังคับใช้ 'กระสุนยาง'