นายกัมพล ปัญกุล ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดกำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีถูกข่มขู่คุกคามในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายกัมพลระบุว่า แกนนำในพื้นที่รวมถึงผู้สนับสนุนถูกคุกคาม โดยคาดว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งยังได้รับตัวผู้สนับสนุนและแกนนำที่ช่วยรณรงค์หาเสียง ไปพูดคุยกับผู้มีอำนาจ ทำให้ผู้สนับสนุนเกิดความหวาดกลัวรู้สึกไม่ปลอดภัย แกนนำหลายคนจึงขอถอนตัวอยู่บ้าน จึงมองว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งควรให้ประชาชนตัดสินอย่างเสรี โดยเฉพาะการสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งรวมถึงตัวผู้สมัครต้องทำได้โดยเสรี
นายกัมพลยังเล่าด้วยว่า รถผู้ติดตามถูกรถต้องสงสัยขับบล็อกหน้าบล็อกหลัง พร้อมกับตามถ่ายรูปบ้านเรือน ซึ่งถือเป็นการคุกคาม โดยผู้ต้องสงสัยแต่งกายนอกเครื่องแบบมาในรูปแบบของพลเรือน ซึ่งเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ
ด้านนายอนุสรณ์ มองว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการใช้กระบวนการพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน เป็นลักษณะขอนแก่นโมเดล เพราะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยจะไปเปิดเวทีปราศรัยย่อยก็ถูกกดดัน ไม่ให้ประชาชนออกมาฟัง ส่วนอีกพรรคการเมืองสามารถทำได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในวันเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นขอนแก่นโมเดล เห็นรถฮัมวี่รถทหารเข้ามาวิ่งในพื้นที่
ดังนั้นขอให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกติกา คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม แข่งขันอย่างตรงไปตรงมา อย่าหวังคะแนนเพื่อต่อลมหายใจโดยใช้การบริหารจัดการพิเศษ เพราะสุดท้าย คนที่เสียหายคือประเทศชาติและประชาชน ซึ่งส่วนตัวได้รับข้อมูลและทราบข้อเท็จจริงแล้วว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาข่มขู่คุกคามมาจากหน่วยงานใดและใครเป็นผู้ดูแล จึงขอให้หยุดการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และไม่สร้างสรรค์ ประชาธิปไตย
ต่อมา 15.00น. ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอ พรานกระต่าย นายกัมพล พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร้อยตำรวจเอกอาวุธ เกิดยินดี สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอ พรานกระต่ายเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันและมอบพยานหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนายกัมพลกังวลว่าอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตของตนเองและผู้สนับสนุน ทั้งที่ตั้งใจลงสมัครเพื่อทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ตั้งใจจะใช้ความรู้ความสามารถรวมถึงประสบการณ์ ที่เคยทำงานให้กับพี่น้องประชาชนมากว่า 17 ปีดูแลคนในพื้นที่ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้ง แต่กลับถูกข่มขู่คุกคามกลั่นแกล้ง จึงฝากถึงผู้มีอำนาจขอให้ใช้หลักนิติรัฐนิติธรรม อย่าแบ่งว่าพรรคไหนพวกใคร
ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องใช้หลักนิติธรรมใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ พร้อมเปิดเผยด้วยว่า หลังจากนี้จะมีแกนนำในพื้นที่ พร้อมผู้สนับสนุนรวมถึงพี่น้องประชาชนที่ถูกข่มขู่ทยอยเข้าแจ้งความ
อ่านเพิ่มเติม