เรซนิคอฟระบุว่า รัสเซียจะใช้กองกำลังหลายพัน และจะพยายาม “ทำอะไรบางอย่าง” ในช่วงครบรอบ 1 ปีการรุกรานยูเครน นอกจากนี้ รัสเซียอาจรุกรานยูเครนในวันที่ 23 ก.พ. ซึ่งตรงกันกับวันผู้ปกป้องปิตุภูมิของรัสเซีย ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองของกองทัพรัสเซีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนกล่าวอีกว่า รัสเซียได้ระดมกำลังทหารประมาณ 500,000 นายสำหรับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศระดมทหารเกณฑ์ประมาณ 300,000 นาย ซึ่งปูตินกล่าวว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับรอง “บูรณภาพแห่งดินแดน” ของรัสเซีย แต่เรซนิคอฟชี้ว่าตัวเลขที่แท้จริงของทหารเกณฑ์รัสเซีย และที่ถูกส่งมารบในยูเครนอาจสูงกว่านั้นมาก
แม้จะมีการสู้รบอย่างหนักในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก แต่สงครามได้เข้าสู่ทางตันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ยูเครนเข้ายึดเมืองเคอร์ซอนทางตอนใต้คืนมาได้จากรัสเซีย ยกเว้นการยึดเมืองโซเลดาร์ของรัสเซีย โดยทั้งสองฝ่ายยังคงไม่มีการรุกคืบดินแดนครั้งใหญ่เลยทั้งคู่
แต่การรุกคืบในฤดูใบไม้ผลิของรัสเซีย และการรุกตอบโต้ของยูเครน ได้รับการคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดขึ้นได้มาเมื่อนานแล้ว โดยสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า รัสเซียอาจพยายาม “ดำเนินการขั้นเด็ดขาด” และเปิด “การรุกครั้งใหญ่” ทางพื้นที่ตะวันออกของยูเครน
เรซนิคอฟกล่าวว่า ผู้บัญชาการของยูเครนจะพยายาม “ทำให้แนวรบมีเสถียรภาพและเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีตอบโต้” ก่อนการรุกคืบของรัสเซียตามที่มีข่าวลือ “ผมมีความเชื่อว่าปี 2023 จะเป็นปีแห่งชัยชนะทางการทหาร” เรซนิคอฟกล่าว พร้อมระบุว่ากองกำลังของยูเครน “จะสูญเสียความคิดริเริ่มไม่ได้” จากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ความคิดเห็นของเรซนิคอฟมีขึ้นในขณะที่หน่วยข่าวกรองของยูเครนอ้างว่า ปูตินได้สั่งให้กองกำลังของรัสเซียเข้ายึดดอนบาสก่อนสิ้นฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรก็ดี เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) กล่าวเตือนว่า ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าปูตินได้จำกัดเป้าหมายทางการทหารของรัสเซียไว้ที่การยึดพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน
“พวกเขากำลังจัดหาอาวุธใหม่ กระสุนที่มากขึ้น เพิ่มการผลิตของตัวเอง แต่ยังได้รับอาวุธเพิ่มเติมจากรัฐเผด็จการอื่นๆ เช่น อิหร่านและเกาหลีเหนือ” สโตลเตนเบิร์กกล่าว “และเหนือสิ่งอื่นใด เราไม่เห็นวี่แววว่าประธานาธิบดีปูตินได้เปลี่ยนเป้าหมายโดยรวมของเขาในการรุกรานครั้งนี้ นั่นคือการเข้าควบคุมเพื่อนบ้าน เพื่อควบคุมยูเครน ตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้ เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับความยืดเยื้อ"
ที่มา: