องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์หาทางออกให้ประเทศว่า นับเป็นเรื่องดีที่ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าไปศึกษาหาโครงสร้างและรูปแบบของคณะกรรมการว่าควรมีหน้าตาอย่างไร มีภาระหน้าที่มากน้อยแค่ไหน เพราะสถาบันพระปกเกล้าเป็นองค์กรทางวิชาการที่มีองค์ความรู้ และบุคลากรที่หลากหลายซึ่งทำงานเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคมอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ทำงานเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสันติวิถีและการแก้ไขความขัดแย้ง
พร้อมอยากฝากสถาบันพระปกเกล้าให้เร่งพิจารณาหาข้อสรุปส่งให้ประธานรัฐสภาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปให้ทันกับสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เร็วและแรงมากขึ้นทุกวัน
ส่วนที่บางฝ่ายวิตกกังวลว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาทางออกให้ประเทศจะเป็นการซื้อเวลาของฝ่ายบริหารนั้นก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ว่าอาจจะมีการมองแบบนั้นได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เสนอโดยรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรี จึงไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลมาซื้อเวลาแต่อย่างใด แต่เรื่องการตั้งคณะกรรมการหาทางออกให้ประเทศครั้งนี้เป็นข้อเสนอของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยกันหาทางออกให้ประเทศร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ข้อเสนอการตั้งคณะกรรมการ 7 ฝ่ายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นข้อเสนอบนพื้นฐานของความตั้งใจจริงที่อยากจะสร้างพื้นที่มีเวทีที่ฝ่ายต่างๆ ได้มานั่งพูดคุยกันถึงปัญหา ข้อเรียกร้อง ข้อเสนอต่างๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน การมีเวทีให้พูดคุยกันน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าไม่มีเวทีที่จะพูดคุยกัน การปล่อยให้แต่ละฝ่ายต่างคนต่างพูดโดยไม่มีโอกาสหันหน้ามาพูดคุยกัน ยิ่งจะทำให้ช่องว่างของการสร้างความไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จึงอยากวิงวอนทุกฝ่ายอย่ารีบปฏิเสธเข้าร่วมเวทีพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศ เพราะเราต่างเป็นคนไทยเหมือนกัน เราต้องอยู่ในประเทศนี้ร่วมกันต่อไปถึงแม้เราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกันจึงควรหันหน้าเจรจาพูดคุยกัน เพื่อหาจุดสมดุลที่เห็นพ้องต้องกัน
เชื่อมั่นว่าการมีพื้นที่ มีเวทีให้พูดคุยกันจะเป็นส่วนอย่างสำคัญที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้บ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ในที่สุด