โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนี อนุมัติการจัดหาอาวุธจากคลังอาวุธของเยอรมนีให้แก่ยูเครน ประกอบด้วย ขีปนาวุธสติงเกอร์แบบพื้นสู่อากาศจำนวน 500 กระบอก และอาวุธที่ใช้ต่อต้านรถถังอีก 1,000 ชิ้น การตัดสินใจของชอลซ์ครั้งนี้ต่างไปจากธรรมเนียมของประเทศเยอรมนีที่มักปฏิเสธการส่งอาวุธไปยังเขตสงคราม นโยบายที่เป็นผลมาจากอดีตของประเทศในฐานะผู้รุกรานในสงครามโลกครั้งที่สอง
“การรุกรานยูเครนของรัสเซียถือเป็นจุดเปลี่ยน มันคุกคามระเบียบยุคหลังสงครามทั้งหมดของโลก”
ชอลซ์กล่าวในแถลงการณ์
“ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของเราที่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยยูเครนให้สามารถป้องกันตัวเองจากการรุกรานของกองทัพของวลาดิเมียร์ ปูติน”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การทูตข้ามพรมแดนระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่เข้มข้นขึ้นในการหาข้อตกลงเพื่อตอบโต้การรุกรานของรัสเซีย ประกอบกับการที่เยอรมนีถูก ‘เย้ยหยัน’ จากการตัดสินใจก่อนหน้า ที่ปฏิเสธการส่งอาวุธให้กับยูเครน โดยเสนอส่งหมวกกันน็อค 5,000 ใบแทน ทั้งหมดนี้ทำให้เยอรมนีตัดสินใจเปลี่ยนท่าที และกำลังส่งสัญญาณถึงความไม่พอใจอย่างมากต่อการรุกรานยูเครนของประธานาธิบดีปูติน
กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีโพสต์ถ้อยคำของหัวหน้าพรรคกรีนส์ อันนาลีนา แบร์บอค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศผู้หญิงคนแรกของประเทศ ในทวิตเตอร์ ระบุว่า
“เรากำลังอยู่ในโลกที่ต่างไป นับตั้งแต่เกิดสงครามการรุกรานของปูติน เรารู้สึกช็อกกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ทำอะไร นั่นคือเหตุผลที่เราจะส่งอาวุธต่อต้านรถถังและขีปนาวุธสติงเกอร์ไปยังทหารยูเครนที่กำลังปกป้องประเทศของพวกเขา”
ขณะนี้เยอรมนี ประเทศอื่นในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา และสหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาวิธีปิดกั้นการเข้าถึงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ SWIFT ของธนาคารรัสเซียบางแห่ง เพื่อเป็นการลงโทษมอสโกต่อไป
ที่มา: