ธนาคารโลกชี้ว่า การขวางเส้นทางเดินเรือสู่ท่าเรือในทะเลดำทางตอนใต้ของยูเครน และการก่อหายนะในภาคอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของยูเครนโดยรัสเซียจะส่งผลให้ GDP ของยูเครนหดตัวลงกว่า 45% ในปี 2565 นี้ อย่างไรก็ดี รัสเซียในฐานะประเทศผู้รุกรานจะพบกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจไปด้วย ไม้เว้นแม้แต่ประเทศรอบข้างยูเครนที่จะพบกับความยากลำบาก
ทั้งนี้ บางประเทศรอบยูเครนได้เริ่มการร้องขอความช่วยเหลือจากองค์การด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อช่วยไม่ให้ชาติของตนเองประสบกับปัญหาการผิดชำระหนี้แล้ว โดยธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บังคับบัญชาธนาคารกลางในสัปดาห์นี้เพื่อพูดคุยหาทางออกในวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าว
“สงครามได้ส่งผลกระทบในการทำลายล้างต่อชีวิตมนุษย์ และก่อให้เกิดการทำลายทางเศรษฐกิจในทั้งสองชาติ และจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญในภูมิภาคยุโรปและเอเชียกลาง รวมถึงโลกทั้งใบ” ธนาคารโลกระบุในรายงานของตนที่ตีพิมพ์เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.)
เดวิด มัลพาสส์ ผู้ว่าการธนาคารโลก และ คริสตาลินา จอร์เจียวา ประธานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ อาจมีการประกาศแผนการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ ด้วยการมอบความช่วยเหลือพิเศษทางด้านการเงินแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการรุกราน หลายประเทศในนั้นกำลังเผชิญหน้ากับสินค้าอาหารที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น
การคาดการณ์ในครั้งนี้ ผิดไปจากการคาดการณ์ในครั้งก่อนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หลังจากเมื่อเดือนก่อนจอร์เจียวาคาดว่า สงครามยูเครนอาจไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลกมากนัก แต่เตือนว่าอาจเกิดภาวะถดถอยครั้งรุนแรงในแต่ละประเทศที่อยู่ใกล้กับความขัดแย้ง
ธนาคารโลกระบุว่า สงครามคือตัวกาลใหญ่ที่สองที่ทำให้เศรษฐกิจยูเครนพบกับภาวะถดถอยกว่าเกือบครั้ง หลังจากโลกต้องพบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคถดถอยลงกว่า 4.1% หรือคิดเป็นกว่าสองเท่าของการระบาดโควิด-19 เมื่อปี 2563
จากการคาดการณ์ระบุว่า เศรษฐกิจของรัสเซียจะหดตัวลงในปีนี้กว่า 11.2% ในขณะที่ประเทศยุโรปตะวันออกอื่นๆ ที่รวมถึงมอลโดวา เบลารุส และยูเครน อาจจะพบกับเศรษฐกิจที่ถดถอยลงต่ำกว่า 30.7% ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศเศรษฐกิจพึ่งพาด้านเกษตรกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดท่าเรือบริเวณทะเลดำโดยกองทัพรัสเซีย
ที่มา: