วันที่ 6 เม.ย. 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมแสดงออกเชิญสัญลักษณ์ สวมเสื้อสีดำ นำผ้าสีดำปิดตา และใช้เทปกาวสีดำปิดปาก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนจากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า เมื่อพรรคการเมืองนำนโยบายกัญชาซึ่งเป็นนโยบายสาธารณะมาใช้กับประชาชน โดยไม่ได้ผ่านกฎหมายลูก ไม่มีการโหวตในรัฐสภา ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ มีเพียงประกาศคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่กัญชาเสรีเป็นนโยบายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่พรรคภูมิใจไทยกลับเสนอเพียงข้อดี ตนเองในฐานะประชาชนก็มีสิทธิเสรีภาพในการที่จะพูดข้อเสีย เพื่อผลประโยชน์ของสังคม ไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือละเมิด ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี เพราะตนเองไม่ใช่ผู้สมัครพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองกับละเมิดสิทธิเสรีภาพของตนเอง
ชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า หากการปลดล็อคกัญชาซึ่งเป็นยาเสพติดเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ก็ควรต้องให้แพทย์เป็นผู้อนุญาต แต่เหตุใดการขึ้นทะเบียนกัญชาจึงมีลักษณะเสรี ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 4,000 แห่งในกรุงเทพฯ และไม่รวมในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 10,000 แห่ง โดยหลายๆที่สามารถนำกัญชามาทำอาหารได้ หรือเสร็จเพื่อสันทนาการ บางสถานที่เป็นเพียงซุ้มกาแฟก็ยังอนุมัติ นอกจากนี้กัญชาส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ยังเชื่อว่านำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา จึงต้องตั้งคำถามว่านำเข้ามาได้อย่างไร
ชูวิทย์ ยังได้อ้างอิงผลวิจัยจากสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และงานวิจัยจากในต่างประเทศ ระบุว่ากัญชาส่งผลให้ผู้เสพเป็นโรคจิตเภทมากกว่าคนปกติ 2-3 เท่า และมีฤทธิ์เฉียบพลันทำให้ผู้เสพเกิดอาการคุ้มคลั่งได้ ดังที่เคยมีข่าวผู้เสพกัญชาคุ้มคลั่งก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมาแล้วหลายคดี แต่เหตุใดกระทรวงสาธารณสุขจึงไม่ออกมาเตือนและควบคุม
ดังนั้น แม้ตนเองจะเคารพคำสั่งศาล แต่หลังทบทวนไตร่ตรองอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจที่จะไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลแพ่งในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) เวลา 9.00 น. ต่อเนื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ว่า ผลการอุทธรณ์จะออกมาในทิศทางใดตนเองก็พร้อมจะทำตามคำสั่งศาล แต่เป็นในแบบของตนเอง ด้วยการคัดค้านนโยบายกัญชาเสรีต่อไป โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ตนเองจะไปรณรงค์ที่สถานีขนส่งหมอชิต ส่งประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และจะเริ่มรณรงค์ในพื้นที่ต่างจังหวัดตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป
“นโยบายกัญชา เป็นนโยบายสาธารณะ ที่พรรคการเมืองใช้ในการหาเสียง และพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่บุคคลหรือนิติบุคคล ดังนั้นผมจึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นดังกล่าวได้ ซึ่งถ้าหากทางพรรคภูมิใจไทยจะโจมตีตอบโต้ ผมก็พร้อมสู้” ชูวิทย์ กล่าว