จากกรณีปรากฎคลิปที่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งกล่าวถึงการกู้ยืมเงินจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยเปิดบัญชีกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ในเอกสารกู้ยืมมีการให้กรอกข้อความเกี่ยวกับการเปลี่ยนศาสนาด้วยทำให้ผู้ปกครองนักเรียนและประชาชนทั่วไปเกิดความสับสนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างกับความสัมพันธ์ของพี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิม
นายอดุลย์ พันธุสะ ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขาสุไหงโก-ลก ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะธนาคารอิสลามฯ เปิดให้บริการทางการเงินกับประชาชนทุกศาสนา และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อมาใช้บริการที่ธนาคารเช่นเดียวกับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการกู้เงินจาก กยศ. ทุกคนยังสามารถนับถือศาสนาของตนเองและเข้าร่วมโครงการได้ตามสิทธิ
ซึ่งปัจจุบัน กยศ. เปิดให้บริการทางการเงินผ่านธนาคารอิสลามฯ และธนาคารกรุงไทย โดยทั้งสองธนาคารไม่ได้เป็นผู้พิจารณาอนุมัติเงินกู้อีกทั้งเป็นเพียงตัวกลางในการโอนเงินระหว่างกยศ.กับนักเรียนนักศึกษาเท่านั้น
ด้านน.ส.กุลศยา ศิริภูวดล อาจารย์แนะแนวผู้รับผิดชอบงาน กยศ. ของโรงเรียนสุไหงโก-ลก ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า โรงเรียนสุไหงโก-ลก ใช้บริการเปิดสมุดบัญชี กยศ. ผ่านธนาคารอิสลามมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว เนื่องจากทางธนาคารอิสลามฯ ส่งเจ้าหน้าที่มาให้บริการถึงโรงเรียน ซึ่งสะดวกต่อตัวนักเรียนที่ไม่ต้องเดินทางออกจากรั้วโรงเรียนไปดำเนินการด้วยตัวเองที่อาจล่าช้าหรืออาจเกิดอันตรายระหว่างเดินทาง โดยยืนยันว่าเอกสารทุกฉบับที่นักเรียนต้องกรอกไม่มีชุดใดที่ระบุว่าให้เปลี่ยนศาสนา อีกทั้งตัวอาจารย์ก็ไม่เคยชี้นำหรือชักชวนให้นักเรียนต่างศาสนามาเข้ารับศาสนาอิสลาม เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อนอีกทั้งเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับการให้สิทธิกู้ยืมเงินจาก กยศ. ได้
ขณะที่นางสิริพร รอดสมบูรณ์ ผู้ปกครองนักเรียนของนายกีรติ ถิตย์ประเสริฐซึ่งนับถือศาสนาพุทธ กล่าวว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่มาทำเรื่องกู้ยืมเงินจาก กยศ. เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้บุตรชายโดยทั้ง 2 ครั้งไม่เคยมีเอกสารใดๆ ที่มีการระบุว่าต้องเปลี่ยนศาสนาเพื่อขอรับเงินจากโครงการนี้ จึงไม่เข้าใจเจตนาของผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ เพราะหากผู้ปกครองหลงเชื่ออาจไม่ยอมให้บุตรหลานมากู้ยืมเงินจาก กยศ. ซึ่งจะกระทบกับตัวนักเรียนนักศึกษาโดยตรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง