นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้สรุปตัวเลขเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ที่มีทั้งการร้องเรียนค่ามัดจำบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม ที่บริษัทเรียกเก็บและไม่คืนให้ลูกค้ากรณีที่กู้เงินไม่ผ่าน ซึ่งทาง สคบ.จะส่งตัวแทนเข้าไปหารือ กับสมาคมผู้ประกอบการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม โดยชี้ให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อาจทำให้รายได้จากเดิมลดน้อยลง
นายเทวัญ ยังแนวทาง กับ ศคบ.ว่า ต้องเปิดช่องทางเพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ที่มีเป็นจำนวนมากในขณะนี้ พร้อมกับต้องเร่งรัดกระบวนการดูแลประชาชน พร้อมทั้งต้องมีการประชุม สคบ.เพื่อประมวลการแก้ปัญหาบ่อยขึ้นในช่วงนี้ที่สำคัญ เรื่องร้องเรียนของประชาชน เมื่อถึงมือ สคบ.แล้ว ภายใน 7 วันต้องชัดเจน พร้อมสั่งการ สคบ.ลงไปตรวจสอบสินค้าที่ลงขายผ่านออนไลน์ ทั้งหมด โดยประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเช่นกระทรวงพาณิชย์ เข้าไปดำเนินการกับผู้กระทำผิด โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนเข้ามาร้องเรียน รวมถึงการตรวจสอบที่ประชาชนร้องเรียนเรื่องนี้มามากที่สุดในช่วงนี้ โดยประชาชนจะต้องได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการ ในช่วงที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ เช่นเดียวกับการส่งอาหารถึงบ้าน หรือ เดลิเวอรี่ ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้ โดย สคบ.ลงพื้นที่ตรวจสอบ ทำบันทึกข้อตกลง กับ 17 บริษัทที่ให้บริการ เป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข เช่นต้องใส่หน้ากากอนามัย ใส่ถุงมือ ใช้แอลกอฮอร์หรือเจลล้างมือ ทำความสะอาดกล่องตลอดเวลา
ส่วนข้อร้องเรียนสายบินที่หยุดบินในช่วงโควิด-19 นายเทวัญ ระบุว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมหารือสายการบินแล้ว มีแนวทางทั้งคืนเงิน และเลื่อนตั๋วเครื่องบินออกไป โดยมีข้อกำหนดอยู่แล้ว ว่าจองช่วงไหนที่คืนเงินได้ และช่วงไหนตั๋วเลื่อนได้ ทั้งนี้ในกรณีบุหรี่ไฟฟ้านายเทวัญยังกล่าวว่า สามารถที่จะจับกุมได้เป็นจำนวนมาก มีมูลค่าถึง 30-40 ล้านบาท เนื่องจาก สคบ.มีอำนาจ