วันนี้ (8 ตุลาคม 2567) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดโอกาสให้แกนนำมวลชนชาวบางกลอย เข้าพูดคุยรับฟังปัญหาจากกรณีที่มายื่นเรื่องร้องเรียนที่ทำเนียบฯ เกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกินที่กำลังถูกเอกชน
แกนนำม็อบ กล่าวว่า ชาวบ้านมาร้องเรียนที่ทำเนียบ 2 เรื่องคือ
1) กรณีชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย จ.เพชรบุรี โดยขอให้ยุติหรือชะลอการสั่งฟ้องชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย 28 ราย และที่เร่งด่วนคือ อัยการเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรีได้มีนัดหมาย ส่งฟ้องเยาวชนชาวบางกลอย 2 คน ได้แก่ นายพื้อกีดี้ จีโบ้ง และ นายตาเปอะเลอะ แครจี ต่อที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567
2) กรณีชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ที่ถูกคุกคามฟ้องร้อง ขับไล่ และศาลมีคำสั่งให้รื้อถอนบ้าน ซึ่งเหลือระยะเวลาตามคำสั่งศาลอีกประมาณ 30 วัน ณ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ชั้น 1 อาคารกระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ
แกนนำม็อบขอให้เร่งรัดการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการ ที่มาดำรงตำแหน่งแทนพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เป็นประธานฯที่หมดวาระ จึงทำให้ทางเอกชนเร่งรัดเอาที่ดินคืน ทั้งนี้ แกนนำชาวบ้านมีความเห็นว่าคนที่จะมาเป็นประธานแทน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ นั้น น่าจะเป็น นายชาญเชาว์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากชาวบางกลอย กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากการที่เอกชนให้มีการบังคับคดีให้ชาวบ้านรื้อถอนออกจากที่ดินทั้งหมด 30 คดี ในจำนวนนี้มีเยาวชน 2 คนด้วย โดยขณะนี้ถึงขั้นตอนที่ศาลตัดสินคดีแล้ว ว่า ตนเองอยู่ในที่ดินของเขา แต่ไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นว่าเป็นเอกสารที่ดินถูกกฎหมายหรือไม่
พร้อมกันนี้ ยังได้สะท้อนปัญหาเพิ่มเติมว่ายังมีชาวบ้านประสบปัญหาลักษณะเดียวกันนี้ที่ถูกฟ้อง 34 ราย และ 339 ครอบครัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ แจ้งว่า จากการที่ DSI สืบสวนกรณีที่ดินแปลงดังกล่าว ทราบว่าคนที่ถือครอง สค.1 ระบุจำนวน 19 ไร่ แต่ครอบครองจำนวน 22 ไร่ ซึ่งดีเอสไอได้ทำเรื่องเพิกถอนสิทธิการครอบครองที่ดินแปลงนี้แล้ว เนื่องจากดีเอสไอพบว่าอาจเป็นแจ้งการถือครองที่แปลงนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องไปยังปปช.แล้วแต่ยังไม่ได้มีการชี้มูลคดีนี้ ขณะที่ยุติธรรมจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการไกล่เกลี่ยระหว่างชาวบ้านกับเอกชน ซึ่งจะมีระยะเวลาถึงมกราคม 2568
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ทางกระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน โดยช่วยดำเนินการยื่นเรื่องขอให้ชะลอการบังคับคดีให้ทันก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาของการไกล่เกลี่ยคดี มกราคม 2568 พร้อมทั้งให้ให้ยื่นเรื่องต่อศาลโดยแนบการสืบสวนของ DSI การได้มาเอกสารสิทธิ์ สค.1 น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชนเรื่องกรรมสิทธิ์ถือเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่ง ซึ่งกรณี “บางกลอย” เป็นเรื่องที่ยาวนานและเป็นคดีที่ผู้ถูกดำเนินคดีมีความเชื่อมั่นว่าอยู่อาศัยในพื้นที่มาก่อนที่รัฐจะประกาศเป็นเขตอุทยาน และเรื่องอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ จึงมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพดำเนินการตรวจสอบว่าสามารถที่จะช่วยเหลือในเรื่องใดได้ และจะมอบให้กองทุนยุติธรรมเข้าไปช่วยสนับสนุนเรื่องทนายความหรือหลักทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินคดี ซึ่งต้องขอตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับกรณี “หลีเป๊ะ” เป็นอีกเรื่องในทำนองเดียวกันแต่เป็นเรื่องของเอกชนฟ้องเอกชน โดยเรื่องอยู่ในชั้นบังคับคดีจึงมอบหมายให้กรมบังคับคดีดำเนินการไกล่เกลี่ย หรือถ้ามีหลักฐานใหม่ที่จะสามารถรื้อฟื้นหรือให้ความเป็นธรรมได้ให้ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้กระทรวงยุติธรรมจะรับไปดูแลโดยในรายละเอียดต้องอยู่ที่ข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซึ่งในเบื้องต้นยินดีเข้าไปดูแลให้ผู้เดือดร้อนทุกท่าน