สำนักงานโบราณวัตถุวัฒนธรรมซานซี โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งชายและหญิง ได้ทำลายโครงสร้างอันโดดเด่นของกำแพงเมืองจีนในเขตโหยวหยู จนได้รับความเสียหายที่เกินกว่าจะซ่อมแซมได้
หนังสือพิมพ์ The China Daily รายงานเมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในมณฑลซานซี ได้รับการแจ้งเหตุดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา และได้ติดตามร่องรอยของเครื่องจักร ที่ใช้ในการขุดผ่านพื้นที่ส่วนหนึ่งของกำแพง เพื่อค้นหาผู้ต้องสงสัย
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ The China Daily รายงานเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองราย ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำงานในโครงการก่อสร้างในพื้นที่ใกล้เคียง ยอมรับว่าพวกเขาใช้เครื่องขุดเพื่อสร้างทางลัดบนกำแพงเมืองจีน เพื่อลดเวลาในการเดินทางไปยังที่ทำงาน
การสร้างกำแพงเมืองจีน ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ รวมระยะทางนับพันกิโลเมตร เริ่มขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช และดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายศตวรรษ ทั้งนี้ โครงสร้างกำแพงที่ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งได้รับสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ์จีน เพื่อยับยั้งผู้รุกรานจากชนชาติอื่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ส่วนของกำแพงเมืองจีนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 6 ชั่วโมงจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันตก สร้างขึ้นมามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงของจีน ซึ่งกินเวลานานตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึง 17
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีน รายงานว่า ผู้ต้องสงสัยได้ก่อให้เกิด “ความเสียหายที่ไม่อาจรักษาได้” ต่อกำแพงยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งสื่อของรัฐบาลจีนระบุว่า พื้นที่กำแพงที่ได้รับความเสียหายดังกล่าว เป็นส่วนของกำแพงที่ “ค่อนข้างสมบูรณ์” และมีคุณค่าต่อการวิจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง
ภาพที่ได้รับการเผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ CCTV แสดงให้เห็นถึงผลพวงของที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น และถูกตัดผ่านพื้นที่ยกสูงยาว ซึ่งดูเหมือนเป็นเศษซากของกำแพงโบราณ
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ The China Daily รายงานว่า ผู้ต้องสงสัยทั้งสองราย ถูก “ตั้งข้อหาทำลายโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม”
ที่มา: