นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยปภ. ได้ติดตามสภาพอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับกรมทรัพยากรธรณีประกาศให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในช่วงวันที่ 17 – 20 ส.ค.นี้ กอปภ.ก จึงได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย 12 จังหวัด
ดังนี้ 1. จ.แม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ขุนยวม แม่สะเรียง แม่ลาน้อย ปาย สบเมย) 2.จ.เชียงราย (อำเภอแม่จัน แม่สรวย แม่ลาว เวียงป่าเป่า) 3.จ.พะเยา (อำเภอเชียงม่วน เชียงคำ ปง) 4.จ.แพร่ (อำเภอสอง ลอง วังชิ้น ร้องกวาง) 5.จ. น่าน (อำเภอเมืองน่าน บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ เวียงสา เชียงกลาง ท่าวังผานาน้อย นาหมื่น ปัว ทุ่งช้าง สันติสุข แม่จริม บ้านหลวง) 6.จ.อุตรดิตถ์ (อำเภอบ้านโคก ท่าปลา น้ำปาด) 7.จ.ตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ) 8.จ.นครนายก (อำเภอเมืองนครนายก) 9.จ.ตราด (อำเภอบ่อไร่ คลองใหญ่) 10.จ.ระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์) 11.จ. พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง ตะกั่วป่า ท้ายเมือง) 12.จ.ตรัง (อำเภอนาโยง)
โดยปภ. สั่งการให้ดำเนินการตามมาตรการ และแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่และเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน ทั้งมิสเตอร์เตือนภัย อปพร. ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มวิกฤต ให้สั่งอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประ��าศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป