ต่างประเทศ
ฮ่องกงออกหมายจับข้ามดินแดน ตั้งค่าหัว 5 นักกิจกรรมคนละ 4.5 ล้านบาท
การประกาศหมายจับ ซึ่งเพิ่มรายชื่อนักเคลื่อนไหวในต่างประเทศ 8 คนที่ถูกทางการมองว่าเป็นผู้ลี้ภัยเมื่อเดือน ก.ค. ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ มีนักกิจกรรม 5 ราย ได้แก่ ไซมอน เฉิง, ฟรานเซส ฮุย, โจอี้ ซิว, จอห์นนี่ ฟ็อก และ โทนี่ ชอย ซึ่งปัจจุบันตั้งถิ่นฐานตัวเองอยู่ในประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
สตีฟ หลี่ เจ้าหน้าที่กรมความมั่นคงแห่งชาติของสำนักงานตำรวจฮ่องกง กล่าวว่า “ทุกคนที่ได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ยังคงกระทำความผิดภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง”
นักกิจกรรมทั้ง 5 คนถูกกล่าวหาว่ามีความผิดหลายประการภายใต้กฎหมายความมั่นคง รวมถึงการยุยงให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน การโค่นล้มอำนาจรัฐ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดกับต่างประเทศหรือกองกำลังภายนอก ทั้งนี้ ตำรวจฮ่องกงได้ออกหมายจับ และตั้งรางวัลนำจับมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 4.5 ล้านบาท) ต่อผู้ต้องหาทั้ง 5 คน
รัฐบาลจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกับฮ่องกงในปี 2563 หลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายเดือน โดยกฎหมายดังกล่าวมีโทษต่อการกระทำต่างๆ รวมถึงการบ่อนทำลาย การแบ่งแยกดินแดน การสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ และการก่อการร้าย ทั้งนี้ โทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย คือการจำคุกตลอดชีวิต
ซิว นักเคลื่อนไหวที่อยู่ปัจจุบันอาศัยในสหรัฐฯ และเป็นพลเมืองสหรัฐฯ กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีพลเมืองสหรัฐฯ อยู่ภายใต้หมายดังกล่าว และหมายจับนี้ “แสดงให้เห็นถึงความครอบคลุมนอกอาณาเขตของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และผลกระทบอันน่าหวาดกลัวที่ตามมา” เธอยังกล่าวอีกว่า “ฉันคิดว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะสหรัฐฯ จำเป็นต้องเป็นผู้นำในการจัดการกับกลวิธีปราบปรามข้ามชาติที่คุกคามนักเคลื่อนไหวเช่นฉัน”
นักเคลื่อนไหวอีกคนอย่าง ไซมอน เฉิง ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เมินเฉยต่อประกาศจับตัวเขาในครั้งนี้ของทางการฮ่องกง โดยเฉิงโพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม X ว่า “หากรัฐบาลเห็นว่าการแสวงหาประชาธิปไตยและเสรีภาพเป็นอาชญากรรม เราก็ยอมรับข้อกล่าวหาเพื่อเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของความยุติธรรมทางสังคม โดยไม่ยอมจำนนต่อผู้มีอำนาจ”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ประณามการกระทำของทางการฮ่องกง และ "รายการค่าหัว" ที่พุ่งเป้าไปที่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในต่างประเทศอย่างรุนแรง
“นั่นแสดงให้เห็นถึงการไม่คำนึงถึงบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง ต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน” แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวเป็นประจำเมื่อช่วงวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) “เราขอแสดงความเสียใจต่อความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ปักกิ่งบังคับใช้นอกอาณาเขต และย้ำว่าทางการฮ่องกงไม่มีเขตอำนาจศาลภายในขอบเขตของสหรัฐฯ ซึ่งผู้สนับสนุนเพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพจะยังคงได้รับเสรีภาพและสิทธิที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ”
เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่าเขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของทางการสหราชอาณาจักรในฮ่องกง จีน และสหราชอาณาจักรเอง หยิบยกประเด็นดังกล่าวนี้ขึ้นมาดำเนินการโดยเร่งด่วนต่อทางการฮ่องกงและจีน
“เราจะไม่ยอมให้อำนาจจากต่างประเทศเข้ามาข่มขู่ คุกคาม หรือทำร้ายบุคคลหรือชุมชนในสหราชอาณาจักร นี่เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเรา” คาเมรอนกล่าวในแถลงการณ์ ที่เผยแพร่โดยสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร
สำนักงานตำรวจฮ่องกงยังกล่าวอีกว่า ตำรวจฮ่องกงได้จับกุมชาย 2 คนและผู้หญิง 2 คน อายุระหว่าง 29 ถึง 68 ปี ในข้อหาให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นักเคลื่อนไหวที่เป็นที่ต้องการตัว 2 คน คือ นาธาน ลอว์ และเท็ด ฮุย ผ่านทางแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์ โดยการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมครั้งแรก ในฐานความผิดการให้ช่วยเหลือทางการเงินภายใต้กฎหมายความมั่นคง โดยความผิดดังกล่าวมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
หลี่จากสำนักงานตำรวจฮ่องกงกล่าวว่า “เราให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแก่นแท้ของบุคคลที่ต้องการ และพยายามทำลายห่วงโซ่ทางการเงินของพวกเขาทุกวิถีทาง”
ก่อนหน้านี้ แอกเนส โจว นักเคลื่อนไหวชื่อดังอีกคนหนึ่งของฮ่องกง หนีการประกันตัวและเดินทางออกจากฮ่องกงเมื่อช่วงเดือนนี้ หลังจากเธอระบุว่าเธอได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากทางการฮ่องกง จนทำให้เธอมีปัญหาสุขภาพจิตและร่างกาย โจวยังกล่าวอีกว่าเธอถูกบังคับให้เดินทางไปยังเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเธอถูกตำรวจควบคุมตัวไปชมนิทรรศการแสดงความรักชาติ ซึ่งมีเนื้อหาในนิทรรศกาลเกี่ยวกับความสำเร็จของจีน ก่อนที่ทางการจะอนุญาตให้เธอเดินทางไปแคนาดาเพื่อศึกษาต่อได้
ที่มา:
