วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2565 เวลา 16.30 น. ที่โรงหนังสยามภวาลัย ศูนย์การค้าสยามพารากอน น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย และอดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จัดงาน ‘ปิดโรงดูหนัง(ท็อป)กันกับผู้พันปุ่น’ โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย, ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส., อดีตผู้สมัคร ส.ก., ทีมงาน พร้อมด้วยแฟนคลับที่ลงทะเบียนออนไลน์กว่า 600 คนมาร่วมงาน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ภายในงานมีกิจกรรมแจกเสื้อยืด เล่นเกมแจกหมวกและของที่ระลึก ก่อนรับชมภาพยนตร์ Top Gun: Maverick รอบ 18.30 น.

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีทั้งประชาชนหลายช่วงวัยมาร่วมกิจกรรม มาขอถ่ายรูปร่วมกับ น.ต.ศิธา ขอลายเซ็น และพบปะพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง น.ต.ศิธา กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจและมาร่วมงาน อยากตอบแทนคนที่ให้การสนับสนุนตัวเองมาตลอด หลายคนได้พูดคุยให้กำลังใจกันในโซเชียลมีเดีย วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาพบปะและทักทายกันจริงๆ

น.ต.ศิธา เปิดเผยว่า ตนได้ติดตามดูหนัง Top Gun ตั้งแต่ภาค1 ซึ่งเข้าฉายตั้งแต่ตนเป็น นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปี 4 ยังไม่ได้เป็นนักบิน ตนชอบดูมากโดยได้ดูถึง 7 รอบ เมื่อมีข่าวว่าจะสร้างหนังภาค 2 ก็ได้ติดตามมาโดยตลอด จนถึงวันที่เข้าโรงฉาย ส่วนตัวคิดว่านอกจากเพื่อนๆ ที่เป็นนักบินด้วยกันแล้ว น้องๆ เยาวชนที่อยากเป็นนักบิน และผู้ที่ชอบดูภาพยนตร์ น่าจะชื่นชอบและติดตามเช่นกัน เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอภาพการต่อสู้ทางอากาศที่ดูน่าตื่นเต้นสมจริง และถ่ายทอดให้คนดูเข้าใจและติดตามดูได้อย่างน่าตื่นเต้น เป็นเรื่องของนักบินทหารเรือ ที่ปฏิบัติภารกิจนักบินรบอย่างเต็มภาคภูมิ แม้จะยากลำบากและต้องเสี่ยงชีวิตเพียงใดก็ยอม ถือเป็นการทำงานของ “ทหารอาชีพ” อย่างแท้จริง ซึ่งอยากให้หลายๆ คนได้ดู 

สถานการณ์ของประเทศไทยเวลานี้ ประชาชนอาจจะรู้สึกไม่เข้าใจข้าราชการทหารและมองว่าทหารที่มีหน้าที่ป้องกันประเทศ แต่กลับใช้อำนาจที่มีเข้ามารักษาความสงบและเข้ามาทำทุกอย่าง ตั้งแต่บริหารประเทศ บริหารเศรษฐกิจ หรือแก้ไขปัญหาโควิด แต่กลับล้มเหลว ไม่มีศักยภาพ มันยิ่งทำให้เห็นว่าไม่ใช่วิถีทางของทหารอาชีพ ในทางกลับกันคนที่เป็นทหารจริงๆ ที่ต้องการเสียสละทำงานเพื่อชาติ ทุกคนพร้อมที่จะสละชีพและปกป้องชาติอยู่แล้ว ซึ่งทหารที่ดีที่ทำตามหน้าที่ของตนเองยังมีอยู่ อยากให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ดีกับทหารดีๆ ที่ตั้งใจทำหน้าที่ปกป้องชาติ และถ้าทุกคนทำงานของตัวเอง รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ประเทศชาติก็จะเจริญ

ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ต่อทหารอาชีพ รวมทั้งให้กำลังใจทหารดีที่ทำหน้าที่ของตัวเอง และตอกย้ำไปถึงทหารที่ใช้อำนาจเข้าไปริดรอนสิทธิและเสรีภพาตามระบอบประชาธิปไตยของคนไทยให้ได้คิดและสำนึกในสิ่งที่ทำ