นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ให้ความเห็นกรณีการจัดแฟลชม็อบของคนรุ่นใหม่ภายในมหาวิทยาลัยและสถานศึกษา เพื่อประท้วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เราต้องไม่ลืมว่า การชุมนุมประท้วงนั้นเป็นสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นนักเรียนนักศึกษาย่อมมีสิทธิแสดงออกทางความคิด จะไปบังคับขืนใจไม่อนุญาตให้ชุมนุมไม่ได้ ตราบใดที่การชุมนุมนั้นไม่ได้สร้างความรุ่นแรง หรือละเมิดสิทธิคนอื่นๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะไม่ให้การชุมนุมบานปลายจนเป็นความรุนแรงก็คือ การจัดให้มีเวทีให้พูดคุยกัน โดยฝ่ายรับฟังก็จะต้องรับฟังด้วยเหตุด้วยผล และด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน
โดยเวทีแรกที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือ ในสถานศึกษาเอง ซึ่งผู้ที่ควรรับผิดชอบก็ควรเป็น ผู้อำนวยการ, อธิการบดี ซึ่งเป็นผู้ดูแลโดยตรง โดยจะต้องลงมารับฟังและพูดคุยกับผู้ประท้วงด้วยใจเป็นกลาง ที่ว่าเป็นกลางก็คือ ประเด็นใดที่ น.ศ.อธิบายแล้วเป็นจริง ก็ต้องยอมรับส่วนประเด็นใดที่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง ก็ช่วยบรรเทาลง เมื่อได้ถกกันในประเด็นครบถ้วน มีข้อเสนอแนะ ข้อเรียกร้องจากฝั่งนักเรียนนักศึกษาแล้ว ก็นำไปประชุมสภาอาจารย์สภามหาวิทยาลัยกันต่อ เพื่อหาทางออกให้กับปัญหานั้นๆ โดยมีท่าทีออกมาในนามสภามหาวิทยาลัย และนำเสนอต่อรัฐบาล
"สิ่งสำคัญที่อธิการบดี และ ผอ. ต้องเตือนตนเองไว้ก็คือ ก่อนจะลงไปที่เวทีเสวนา เราต้องไม่สวมหัวโขนว่าตนคืออาจารย์ของผู้ประท้วง ไม่สวมบทบาทข้าราชการที่ต้องอยู่ข้างรัฐบาลทุกเรื่อง เมื่อนั้นท่านจะสามารถประคับประคองการประท้วงของบรรดาลูกศิทย์ของท่านให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และปราศจากความรุนแรงได้ ซึ่งจะเป็นคุณประโยชน์อย่างสูงแก่สังคมไทย" อดีตรมว.ต่างประเทศ ระบุ