พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีคดีนายทุนจีนสีเทาและยึดทรัพย์ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว และพบมีตำรวจหลายรายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่า ขอให้รอความชัดเจนก่อน แต่ยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่มีนายตำรวจระดับสูงอย่าง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และผู้กำกับกองการต่างประเทศ ที่เป็นภรรยาตู้ห่าว อาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ในเรื่องรายละเอียด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จะเป็นผู้ทราบรายละเอียด และตนได้มีการออกคำสั่งแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนทำคดีนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครต้องดำเนินการตามนั้น ซึ่งขณะนี้พยายหลักฐานเชื่อมโยงถึงตู้ห่าว ก็ดำเนินคดีขออนุมัติหมายจับ
ส่วนที่มีนายตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายหรือไม่นั้น ผบ.ตร. ระบุว่า อยู่ที่มุมมอง ขณะนี้ตั้งใจจะทำให้กระบวนการทางกฎหมายตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด หากมองในแง่ดีก็คือเรากำลังกวาดบ้านทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น จึงอยากให้มองในมุมนี้ ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน
ทั้งนี้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 2 นาย ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของผู้กำกับกองการต่างประเทศ (ภรรยาตู้ห่าว) ต้องให้ความเป็นธรรมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องดูไปตามพยานหลักฐานทางคดี ส่วนรองผู้บังคับตำรวจนครบาล 6 ที่ปล่อยรถหรูของกลางคืนเจ้าของก่อนจะมีการตรวจสอบนั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน โดยให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่กำกับดูแลเรื่องนี้เป็นผู้ชี้แจง
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่กับการเรียกรับเงิน 8 ล้านบาทเพื่อแลกกับรถหรูนั้น ผบ.ตร.ระบุว่า หากไม่มีมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้อยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน หากมีการตั้งข้อกล่าวหาแสดงว่ามีมูล
ส่วนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงกว่ารองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ขณะนี้ไม่สามารถกล่าวหาคนโน้นคนนี้ได้ หลักฐานถึงใครก็ดำเนินการกับคนนั้น