มหาเธร์ประกาศในวันนี้ (11 ต.ค.) ภายหลังจากการประกาศยุบสภาของ อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยมหาเธร์ตั้งเป้าที่จะรักษาเก้าอี้ของตน ในฐานะผู้แทนจากเกาะลังกาวี พรัอมกันกับฐานเสียงของตนจากเมืองปุตราจายา
จากการประกาศยุบสภาของอิสมาอิลเมื่อวานนี้ (10 ต.ค.) ส่งผลให้มาเลเซียจะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปภายในระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่การประกาศยุบสภา อย่างไรก็ดี การประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ถูกวิจารณ์จากฝ่ายค้านและนักวิจารณ์ว่าจัดขึ้นในช่วงหน้ามรสุม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของมาเลเซีย อันจะยังผลให้ประชาชนออกมาเลือกตั้งได้น้อยลงจากปกติ
การตัดสินใจของมหาเธร์ในการปกป้องที่นั่งในรัฐสภา ถือเป็นการต่อสู้ทางการเมืองครั้งที่ 11 ของเขาในสนามการเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ มหาเธร์แพ้การเลือกตั้งเพียงครั้งเดียวเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษก่อนในปี 2512 ด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่า 1,000 คะแนน มหาเธร์ยังครองสถิติการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดของมาเลเซียกว่า 22 ปี โดยในช่วงดำรงตำแหน่งครั้งแรกของเขาสิ้นสุดในปี 2546 เมื่อตนตัดสินใจลาออก มหาเธร์ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุดในโลก เมื่อเขากลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ภายหลังจากการเลือกตั้งที่พลิกขั้วการเมืองมาเลเซียในปี 2561
มหาเธร์ยังมีบทบาทสำคัญในการผสานกลุ่มพันธมิตร ปากาตัน ฮาราปัน (PH) ไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลครั้งแรกของมาเลเซีย นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 2500 เนื่องจากประชาชนไม่พอใจรัฐบาลของพรรคอัมโน ด้วยปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น และข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในหมู่ชนชั้นนำทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตร บาริซาน นาซีโอนัล ที่มีพรรคอัมโนเป็นแกนนำ จนกระทั่งในปี 2563 มหาเธร์ถูกหักหลังและโค่นลงจากอำนาจ จนพรรคอัมโนกลับมาครองเสียงเป็นฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง นำมาซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงความชอบธรรมของอิสมาอิล ในฐานะนายกรัฐมนตรีของพรรคอัมโนคนปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ในการประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า มหาเธร์ยังไม่ได้ระบุชัดว่า ตนจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 3 อีกหรือไม่ หากกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองของตนคว้าเสียงข้างมากในรัฐสภามาเลเซีย จากการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมหาเธร์ย้ำว่า “เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะสำคัญต่อเมื่อเราชนะ”
กลุ่มพันธมิตรทางการเมืองของมหาเธร์ จะต้องคว้าที่นั่งในรัฐสภาให้ได้เกิน 120 เสียงจาก 222 เสียง เพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็ดี มหาเธร์วิจารณ์พรรคอัมโน ภายใต้การนำของอิสมาอิล ว่ามีความพยายามในการลบล้างความผิด จากกรณีการทุจริตของอดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง นาจิบ ราซัค แกนนำคนสำคัญของพรรคอัมโน ซึ่งปัจจุบันถูกศาลตัดสินจำคุก 12 ปี จากความผิดฟอกเงินกระฉ่อนโลก 1MDB
“พวกเขาเป็นใคร ผมไม่สามารถพูดได้ แต่เรายินดีที่จะร่วมมือ หากพวกเขาต้องการกอบกู้ประเทศนี้จากการปกครองของอัมโน” มหาเธร์กล่าว ทั้งนี้ มหาเธร์ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะร่วมงานกับกลุ่ม PH อีกครั้ง ซึ่งมีแกนนำอย่าง อันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งมหาเธร์เองเคยไล่เขาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และถูกจำคุกในข้อหาทุจริตและการมีเพศสัมพันธกับชาย ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก
ที่มา: