นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศความชัดเจนจะไปเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยกข้ออ้างพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็น นายกฯไปแล้ว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจทิ้ง พล.อ.ประวิตร ที่อยู่กันมากว่า 40 ปี ไปอยู่กับพรรครวมดาว กปปส.ชัตดาวน์ประเทศ ที่รู้จักกันไม่กี่ปี ทั้งที่พรรคการเมืองเก่าที่แกนนำ กปปส.เคยอยู่ยังปิดประตูใส่ ไม่อยากรับกลับ ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาอนาคตไปทิ้งที่นั่น หรือไปเป็นนายกฯ คนละครึ่งกับหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
การลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่ผ่านมาและหลังจากนี้ กกต.ต้องจับตาดูให้ดี ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่สองมาตรฐาน ต้องแยกเส้นแบ่งระหว่างการลงพื้นที่ติดตามนโยบายรัฐบาลกับการลงพื้นที่ไปหาเสียงให้ออก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ ไม่ใช้เวลาของทางราชการไปหาเสียงที่เป็นการเสี่ยงผิดกฎหมายและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น กฎเหล็กคุมเข้มหาเสียง 180 วันก่อนสภาฯครบวาระของ กกต.ต้องไม่ให้นักการเมือง พรรคการเมืองหาประโยชน์ หากพล.อ.ประยุทธ์พยายามอาศัยช่องโหว่ลงพื้นที่ตีกินหาเสียงแบบคาบลูกคาบดอก กกต.ต้องไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่หาเสียงแล้วอ้างว่าไปติดตามนโยบายรัฐบาลก็อ้างไป แต่วันนี้หลายหน่วยงานเกียร์ว่าง แทบไม่รับคำสั่งรัฐบาล เพราะอ่านสัญญาณออกชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีงานอะไรให้ต้องไปติดตามได้แล้ว
“กกต.ต้องไม่เกรงใจรัฐบาล ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” นายอนุสรณ์ กล่าว