วันที่ 4 ม.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นขอใช้โอกาสชี้แจงงบประมาณในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตจาก สส. หลายคนว่าเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมานเป็นจำนวนมากและมีสัดส่วนงบลงทุนที่สูงเมื่อเทียบกับกระทรวงอื่นๆ
โดย อนุทิน กล่าวว่า ในวงเงินงบประมาณเกือบ 460,000 ล้านบาทของกระทรวงมหาดไทย จะถูกแบ่งไปยังส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด ซึ่งรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาด้วย วงเงินดังกล่าวสำหรับปีงบประมาณ 2567 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 10.5 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สอดคล้องกับงบประมาณรัฐบาลในภาพรวม
หากนำงบประมาณที่จัดสรรเป็นก้อนๆ ทั้งหมดมาไล่เรียงจากมากไปหาน้อย ตามรายจ่ายเชิงยุทธศาสตร์ จะพบว่าด้านที่เราใช้จ่ายเงินในสัดส่วนสูงที่สุดคือด้านการสร้างโอกาสและการสร้างความเสมอภาคทางสังคม โดยเป็นวงเงินสูงถึง 340,000 กว่าล้านบาท คิดเป็น 75% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าเรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนี้ถือว่าอยู่ในลำดับความสำคัญต้นๆ ของประเทศ และสนองความต้องการที่จะลดความเหลื่อมล้ำในใจของพี่น้องประชาชนด้วย
อนุทิน ไล่เรียงโครงการว่า หลักๆ จะมีเรื่องของการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ระยะที่ 2 ซึ่งจะรวมหน่วยงานหลักของมหาดไทยอยู่ในสถานที่เดียวกัน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ที่สามารถให้บริการพี่น้องประชาชนได้ในเวลาอันรวดเร็วมีความสะดวก
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังดำเนินโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับประสิทธิภาพ ในการให้บริการกับพี่น้องประชาชน โดยสนองนโยบาย e-Government เช่น โครงการอำนวยการบริหารการเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการประชาชนในการออกหนังสือผ่านแดนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โครงการระบบรองรับการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล โครงการสนับสนุนการบูรณาการและการขับเคลื่อนนโยบายในระดับอำเภอ การจัดการฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาชุมชน โครงการของกรมที่ดินในการจัดทำข้อมูล เป็นต้น
อนุทิน ย้ำว่า งานของหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทยนั้น มีทั้งส่วนที่เป็นงานประจำ และมีทั้งส่วนที่เป็นการลงทุน พัฒนา เพื่อให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และเป้าหมายใหม่ๆ ทั้งของรัฐบาลและของประเทศ นอกจากนั้น เรายังให้ความสำคัญกับการบูรณาการหรือความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งบางครั้งไม่ได้หมายถึงการใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ ของนายกรัฐมนตรี ตนเองได้รับคำสั่งการสั่งนายกรัฐมนตรีให้บูรณาการร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อนุทิน กล่าวต่อว่า การบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้หมายถึงการที่จะใช้เงินอย่างเดียว เราทำงานไปถึงด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ให้เกิดการทุจริตในท้องที่ ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การปรับเวลาเปิดสถานบริการ ที่จะเอื้อให้คนทำมาหากินพี่น้องประชาชนได้สามารถมีโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้เพิ่มมากขึ้น
“กระทรวงมหาดไทยจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และจะนำไปปรับปรุงในรายละเอียดที่ทำได้ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน” อนุทิน กล่าว