สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงจุดยืนในการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการพิจารณา 7 ญัตติในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 17-18 พ.ย.นี้ว่า จะลงมติคว่ำร่างของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ที่อ้างว่าเป็นร่างของประชาชน แต่มีวาระซ่อนเร้นช่วยเหลือคนโกงให้กลับประเทศได้แบบเนียน ๆ ด้วยการเสนอให้ยกเลิกกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งเท่ากับมีผลเป็นยกเลิกการลงโทษผู้ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีทุจริตตามกฎหมาย ป.ป.ช. ทั้งหมด ถ้าปล่อยให้ร่างนี้ผ่านไป สองพี่น้องตระกูลชินวัตร ทั้งทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับประเทศไทยอย่างผู้บริสุทธิ์
"อยากถามว่า ไอลอว์พร้อมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ชาติได้รับหรือไม่ เพราะยังต้องย้อนไปดูด้วยว่า เมื่อเลิกกฎหมายแล้ว บทลงโทษไม่มี ทรัพย์สินที่เคยถูกยึดไป จะต้องตั้งงบประมาณเพื่อไปใช้คืนคนโกงหรือไม่" สิระ ระบุ
สิระ กล่าวต่อว่า นอกจากร่างไอลอว์จะซ่อนเงื่อนเรื่องพาทักษิณกลับบ้านแล้ว ยังมีการซ่อนวาระผ่านข้อเสนอของกลุ่มเคลื่อนไหวในขณะนี้เพื่อเปิดทางให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล รวมถึงพรรณิการ์ วานิช รวมทั้งซอมบี้การเมืองที่หลุดตำแหน่ง ส.ส. จากการที่พรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจนถูกยุบ กลับมาคืนชีพทางการเมืองอีกครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาแกนนำที่เคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบันในขณะนี้เข้าสู่เส้นทางการเมืองได้ง่ายขึ้น ด้วยการเสนอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต้องไม่ถูกจำกัดด้วยคุณสมบัติด้านอายุ เพศ การศึกษา ศาสนา ฐานะ ประวัติ อาชญากรรม สิทธิทางการเมือง ตลอดจนความคิดเห็นทางการเมือง สะท้อนชัดว่าที่อ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อการปฏิรูปนั้น แท้จริงแล้วเป็นการก่อม็อบเพื่อแสวงหาอำนาจให้ตัวเองทั้งสิ้น
“ผมเชื่อว่าเชื้อชั่วมีวันตาย และต้องตายจะปล่อยให้คืนชีพกลับมาทำร้ายบ้านเมืองไม่ได้ ซึ่งมาถึงตอนนี้ผมคิดว่าทุกคนเห็นชัดแล้วว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะวาระที่แท้จริงคือการล้มล้างโครงสร้างประเทศ ที่มีบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน” สิระ กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 และกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ ศ.ป.ป.ส. นัดชุมนุมที่อาคารรัฐสภาในวันพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ ในวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ ว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมการรับมือไว้แล้วทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนที่ฝั่งคณะราษฎรเตรียมกดดันหากร่างรัฐธรรมนูญของไอลอว์ไม่ผ่านนั้น เป็นเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และ ส.ส.
เมื่อถามว่าทางพรรคพลังประชารัฐได้มีการหารือร่วมส.ส.โหวตร่างรัฐธรรมนูญของไอลอว์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ก็ต้องคุยกันทั้งหมด และไม่ตอบว่าได้ดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์หรือไม่
โดยพล.อ.ประวิตร ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณี สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญของไอลอว์ โดยระบุสั้นๆเพียงว่า ใครพูดก็ต้องรับผิด
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า กรณี ส.ว.บางส่วน และ ส.ส.รัฐบาลบางส่วน เข้ายื่นญัตติให้ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขัดรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ การกระทำดังกล่าวชัดเจนว่าเจตนาที่จะยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ยาวนานออกไปอีก
การกระทำที่เกิดขึ้นชัดเจนว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เคยออกมาพูดว่ายอมถอยแล้ว คือ เปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการโกหกประชาชน และเป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกด้วย
สงคราม กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่ขัดหากสมาชิกรัฐสภาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ที่จะส่งสัญญาณให้ ส.ส. ซีกรัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายเพื่อยื้อเวลาโดยไม่มีเหตุผลรองรับ รัฐบาลให้ ส.ส.และส.ว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังเล่นเกมหลอกลวงประชาชน โดยยืมมือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดึงเวลาให้นานที่สุด
“การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. ที่หน้ารัฐสภา เพื่อทวงคำตอบจากรัฐบาล ทั้งนี้เพราะการกระทำของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ต่างจาก คำว่า ปากว่าตาขยิบ และตีสองหน้า โกหกประชาชน ดังนั้น ปัญหาชาติที่เกิดขึ้นมีทางแก้แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ การลาออกของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะปัญหาประเทศทั้งหมดต้นตอมาจากการใช้อำนาจ ของพล.อ.ประยุทธ์ หากลาออกปัญหาก็จบอย่างแน่นอน” สงคราม กล่าว
ด้าน เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การประชุมรัฐสภาในวันที่17-18 พ.ย.นี้ ตนไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมรัฐสภาได้ เพราะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถใช้สิทธิ์แทนพี่น้องประชาชนเพื่อพิจารณาโหวตญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดได้ แต่เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของตนเอง ต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จึงขอแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองไว้ว่า ถ้าตนมีสิทธิ์โหวตลงคะแนนในญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ได้ ตนจะใช้สิทธิ์โหวตรับรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและไม่ใช่โหวตรับเฉพาะญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ ฉบับของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล และฉบับของพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้น เพราะยังมีญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในรายมาตราของพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 4 ฉบับ และญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของไอลอร์อีกหนึ่งฉบับด้วย ถ้าหากโหวตไม่รับญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของกลุ่มไอลอร์แล้ว จะเป็นการปฏิเสธกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และไม่สามารถตอบโจทย์ของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองได้ เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิความร้อนแรงทางการเมืองของประเทศ ความเห็นส่วนตัวยังยืนว่าควรโหวตรับญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับไว้ก่อน เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไข หรือแปรญัตติในวาระ 2 จะเป็นการดีที่สุด
ในวันนี้จะมีการประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาและกำหนดท่าทีต่อการลงคะแนนโหวตญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ ซึ่งตนจะเสนอต่อที่ประชุมพรรค ให้พรรคมีเอกสิทธิ์ในการโหวตรับญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ โดยอิสระ นอกเหนือจากมติวิปรัฐบาล ที่มีมติรับ 2 ญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้น เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของพรรคให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรคในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบมาตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 6 เม.ย. 2489 จนถึงปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :