บูม CASSIOPEIA หรือ อนนต์ เดชะปัญญา แฟนคลับเกาหลีที่ติดตามศิลปินเกาหลีใต้หลากหลายวงมานานกว่า 10 ปี และเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงแฟนคลับเกาหลี จะเห็นได้จากผู้ติดตามในทวิตเตอร์ที่มีมากกว่า 7 แสนคน
บูม ได้เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการแฟนคลับเกาหลี เริ่มจากเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จากการเป็นแฟนคลับ ของ วงดงบังชินกิ ซึ่งวงนี้ มีชื่อเรียกแฟนคลับ ว่า แคสซิโอเปีย (Cassiopeia) ซึ่งแปลว่า กลุ่มดาวค้างคาว บูม จึงใช้ แอคเคาท์ในทวิตเตอร์ว่า บูม แคสซิโอเปีย เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า ตนเองเป็นแฟนคลับของวงนี้ จากนั้นก็เริ่มเป็นแฟนคลับ ศิลปินหลายๆวง และเป็นที่รู้จักผ่านทวิตเตอร์
บูม เผยว่า ศิลปินเกาหลีที่เขาชื่นชอบ เป็นพลังใจที่ช่วยให้เขาสอบติดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาจิตรกรรมวาดรูปได้สำเร็จ ไม่เท่านั้น เขายังใช้ความชอบนี้ส่งต่อแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลีเหมือนกันผ่านงานศิลปะ กับคอร์สสอนวาดรูป “สอนศิลป์โอปป้า” ด้วยการสอนวาดรูปให้แฟนคลับที่อยากจะวาดรูปศิลปินคนโปรด ซึ่งบูม บอกว่า น้องๆบางคน "วาดก้างปลายังเบี้ยว" แต่ด้วยความรักในศิลปิน และอยากจะวาดรูปศิลปินคนนั้นๆ ให้ได้ ก็มุ่งมุ่นจนสามารถวาดรูปศิลปินคนโปรดได้สำเร็จ
บางคนมาวาดแล้วเกิดความรักในศิลปะ จนเป็นแรงบันดาลใจในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“จริงๆ ความเหลวไหล ความไม่เอาใจใส่ ความเลอะเทอะ ความเสียการเรียน อะไรอย่างนี้ ลองถามดูว่ามันเกิดจากศิลปินเกาหลีจริงๆ เหรอ หรือมันเกิดจากคนนั้นๆ มากกว่า"
"เราควรจะต้องลองเปิดใจดู แล้วก็จะรู้ว่าศิลปินเกาหลีเนี่ย จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นยาพิษ หรือไม่ได้เป็นพิษภัย และในทางกลับกัน บางทีมันยังใช้ในการเพิ่มพลังให้กับชีวิตของหลายๆ คนที่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกแบบเครียด หรือรู้สึกท้อแท้ได้ด้วยครับ"
ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น กล้าพูดกล้าแสดงออก ทำให้การเป็นแฟนคลับเกาหลีของบูมสร้างอาชีพให้กับเขาได้ โดยในปัจจุบัน เขารับหน้าที่พิธีกรในงานที่เกี่ยวข้องกับแฟนคลับเกาหลี หลายงานมีบูมทำหน้าที่ MC และเขายังทำหน้าที่ดำเนินรายการ "โอปป้า 5 นาที" ทาง YOUTUBE อีกด้วย
บูม บอกว่า ประเด็นนี้มีทั้งคนที่ยอมจ่ายเพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต อัลบั้ม และสินค้าของศิลปินจำนวนมาก กับคนที่จ่ายน้อย แต่ความรักก็มีมากไม่แพ้กัน
“มันแล้วแต่คนครับ บางคนมีความพร้อม อยากทุ่มเทเต็มที่ บินตามไปเกาหลี ดูทุกคอนเสิร์ต อะไรแบบนี้ ก็จะเข้าวลีที่ว่า ขายไต คือ ยอมทุ่มจนหมดตัว แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีความพร้อมเท่านั้น แต่มีใจรัก ก็จะติดตามผ่านการฟังเพลง ดูมิวสิกวีดีโอ คอยสนับสนุนผลงาน แบบนี้ก็ถือว่าเป็น แฟนคลับ เช่นกัน”
การจะทุ่มเท จ่ายเงินเปย์มาก เปย์น้อย ต้องมีความพร้อม อย่างบูมเอง ตอนเริ่มเข้ามา 'ติ่ง' ใหม่ๆ ตอนนั้นยังอยู่ในวัยเรียน บูมจะเลือกดูคอนเสิร์ตแค่เพียงปีละครั้งเท่านั้น ที่นั่งบัตรก็ราคาประมาณ 1,000 ถึง 1,500 บาท
"บูมมองว่า อยากจะติดตามศิลปินเกาหลีไปนานๆ อยากชอบตลอดไป ตอนนั้นตัวเองยังไม่มีเงิน ไม่สามารถหารายได้ได้เอง พอเริ่มมีรายได้แบบในปัจจุบัน ก็จัดเต็ม (หัวเราะ)"
เมื่อเข้าสู่วงการแฟนคลับ หรือ 'ติ่งเกาหลี' จะต้องมีอุปกรณ์ สำหรับการติ่ง นั่นก็คือ แท่งไฟ ซึ่งบูมบอกว่า แท่งไฟของแต่ละศิลปินราคาไม่เท่ากัน แล้วแต่วง มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ต่อมาคือ อัลบั้ม ของศิลปินคนโปรด เฉลี่ยอยู่อัลบั้มพันกว่าบาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็นอัลบั้มพิเศษด้วยหรือไม่ ราคาก็จะแตกต่างออกไป และที่สำคัญ ที่แฟนคลับเกาหลีจะต้องเสียเงิน คือ บัตรคอนเสิร์ต ซึ่งถ้าอยากใกล้ชิดศิลปินมากหน่อย แน่นอนว่าราคาบัตรนั่น ก็จะราคาสูง ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมของวงนั้นๆ อีกด้วย ราคาบัตร ก็มีตั้งแต่ 2 พัน ไป จนถึง 7 - 8 พันบาทก็มี
โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้ มักถูกตั้งคำถามในสังคมโลกออนไลน์ ว่าแฟนคลับเอาเงินมาจากไหน ซึ่งบูมบอกว่า แฟนคลับแต่ละคนจะมีการประเมินตัวเอง ว่ามีเงินพอหรือไม่ ในการใช้จ่าย คนที่ไม่มีเงิน หรือยังไม่พร้อม ก็จะไม่ใช้จ่ายตรงนี้ ก็จะแค่ติดตามผลงานเฉยๆ ส่วนคนที่พร้อม มีรายได้ ก็จะควักกระเป๋า ใช้จ่ายตรงนี้ อย่างตัวบูม ก็จะดูว่า บูมมีเงินเก็บเท่านี้ สามารถใช้จ่ายได้เท่าไหร่ จะต้องไม่เข้าเนื้อ และไม่เดือดร้อน
ส่วนการเลือกจะติดตามศิลปินเกาหลีคนไหน แน่นอนว่าปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายๆ คน เลือกจากหน้าตาเป็นอันดับแรก แต่ถ้าจะพูดถึงแค่หน้าตา น้องบูม บอกว่าศิลปินไทย หน้าตาก็ดีไม่แพ้ศิลปินเกาหลี แต่ความแตกต่างคือ คุณภาพของศิลปินเกาหลี ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเขาจะเผยให้เห็นตั้งแต่การเป็นเด็กฝึกหัด การต่อสู้กับอุปสรรค ความยากลำบากต่างๆ ต้องผ่านโจทย์อะไรมาบ้าง จนมาเป็นศิลปินที่มีความสมบูรณ์แบบ อีกทั้ง ศิลปินเกาหลี สามารถสร้างความสุขให้แฟนๆ ได้เสมอ การแสดงให้เห็นการพัฒนาของตัวเอง ความแปลกใหม่ ไม่ได้อยู่กับที่
บูมได้ยกตัวอย่าง "วงดงบังชินกิ บอยแบนด์วงแรก ที่ชื่นชอบ ตลอดเวลา 15 ปี ที่ติดตามก็จะมีการพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ มีความแปลกใหม่ ให้แฟนคลับได้ตื่นเต้น กับการพัฒนาตัวตนอยู่เสมอ" ล่าสุดได้ปล่อยอัลบั้มพิเศษ ‘New Chapter #2: The Truth of Love’ (นิว แชปเตอร์ นัมเบอร์ทู เดอะ ทรูธ ออฟ เลิฟ) พร้อมเพลงเปิดตัว ‘Truth’ (ทรูธ) ออกมา เนื่องในโอกาสครบรอบเดบิวต์ 15 ปี เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงโชว์ภาพลักษณ์อันทรงเสน่ห์ที่เปลี่ยนแปลงตามคอนเซ็ปท์ใหม่