วันที่ 23 ก.พ. 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคกลาง เพิ่มเติมอีก 16 เขต
โดย นพ.ชลน่าน ระบุว่า 16 คน ที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยนั้น กลยุทธ์หลักของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ประกาศผ่านสื่อทุกช่องทาง โดยต้องชนะเลือกตั้งให้ได้มากกว่า 250 เสียงขึ้นไป ให้ได้อำนาจจากประชาชนอย่างแท้จริง เป็นเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ เราใช้ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย อีกทั้งคะแนนนิยมของโพล ทางพรรคเพื่อไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ และว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยต้องได้รับความยอมรับจากพี่น้องประชาชน จากผลการสัมผัสในพื้นที่และโพลต่างๆ กระแสนิยมก็พเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าบุคคลอื่นๆ เท่าตัว การเลือกต้ัง วันที่ 7 พ.ค.นี้ ยืนยันมีการเลือกตั้งแน่นอน พรรคเพื่อไทยพร้อมทำเพื่ออนาคตของประชาชน
ด้านธีรรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา หลายปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข มีกฎหมายหลายฉบับที่พรรคเพื่อไทยได้ผลักดันให้ผ่านสภาฯ แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะเราเป็นพรรคฝ่ายค้าน จึงหวังว่าครั้งต่อไปจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เพราะเรามีความพร้อมทำงานในฝ่ายบริหาร ซึ่งขณะนี้โพลหลายสำนักบอกว่าพรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมจากทุกพื้นที่ ขอให้มาร่วมกันเปลี่ยนผลโพลเป็นคะแนนเสียง ให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน
ในวันนี้พรรคเพื่อไทย ขอเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวน 16 คน ได้แก่
ภาคเหนือ จำนวน 1 คน
- นครสวรรค์
1. กวี อัศวรัตน์ จ.นครสวรรค์
ภาคอีสาน จำนวน 3 คน
- ร้อยเอ็ด
1. นรากร นาเมืองรักษ์ บุตรชาย ของนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย
- สุรินทร์
1. อนุชา วัชรศีขร
2. พรเทพ พูลศรีธนากูล น้องชายของตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล อดีต ส.ส.สุรินทร์ ที่เพิ่งเสียชีวิตกะทันหันเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2566
ภาคกลาง จำนวน 4 คน
- อ่างทอง
1. ชวกร ศรีราชา
- ชัยนาท
1. สมชาย สิทธิบรวงษ์
- ราชบุรี
1. ไก่ ห้องริ้ว
2. ธนธัช จังพานิช
ภาคใต้ จำนวน 8 คน
- ตรัง
1. ทพญ.สรวีย์ ภัทรอิสริยาไชย
2. นายสุริยะ นันตสินธุ์
3. น.ส.สไบทิพย์ ลิประพันธ์
4. นพ.วิโรจน์ ทองโอเอี่ยม
- นครศรีธรรมราช
1. สมศักดิ์ เมธา
- สตูล
1. ซอลีฮีน อิสมาแอล
- สงขลา
1. ร.ต.ต. สมศักดิ์ แสงประดับ
2.ซีดาวาตีย์ เบ็ญบาเห็ม
(พรเทพ พูนศรีธนากูล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย)
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยถือเป็นพรรคที่มีความพร้อมมากที่สุด เราเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เกือบครบทุกเขตแล้ว ยังเหลือบางเขตที่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากมีผู้สมัครเยอะมาก ประมาณ 8-10 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ทั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและ ส.ส.ระบบเขต โดยเฉพาะ ส.ส.ระบบเขตมีความสำคัญมาก ที่จะยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเพื่อชี้ชะตาอนาคตของประเทศชาติบ้านเมือง
“เราลำบากมา 8 ปี จะลำบากต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน เราเคยทำได้ เราทำมาแล้ว และเราจะทำอีก เราจะทำให้พี่น้องประชาชนกลับมามีความสุขอีกครั้ง” วิสุทธิ์ กล่าว
‘ชลน่าน’ ย้ำยังไม่คุย ‘สมศักดิ์’ เข้า 'เพื่อไทย'
ขณะเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จะย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ ขอให้รอดูก่อน ขณะนี้พรรคได้เปิดตัวเกือบครบ 400 เขตแล้ว ทุกคนล้วนต้องผ่านกระบวนการ เราจะยึดถือคนที่เราประกาศตัวไปก่อนเป็นหลัก ในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กำลังเปิดให้ผู้มีความประสงค์จะลงสมัครในส่วนนี้ยื่นความประสงค์
ส่วนกรณีที่มีพี่น้องเสื้อแดงที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ไปร่วมงานกับพรรคอื่น นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า มีผลกระทบ แต่ไม่ส่งผลและไม่มีนัยสำคัญต่อการได้มาซึ่งคะแนน ทั้งนี้ ทุกคนมีเสรีภาพในการเลือก หากไม่ได้เปิดตัวกับพรรคเพื่อไทย ก็มีสิทธิ์ไปร่วมกับพรรคอื่นได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจ ยืนยันว่าไม่ใช่การทอดทิ้ง แม้ไม่ได้เปิดตัวเป็นผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ก็สามารถทำงานร่วมกันในส่วนอื่นได้ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปรับข้อเรียกร้องจากคณะประชาชนทวงความยุติธรรมปี 2553 ที่เคยเป็นกลุ่ม นปช.และเป็นพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดง ซึ่งต้องพิจารณาอีกครั้ง
ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ่และรมว.กลาโหมชูสโลแกนของพรรครวมไทยสร้างชาติ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า ถ้าตัดคำว่า ‘ทำ’ ออก เหลือแค่ว่า ‘แล้วอยู่ต่อ’ ซึ่งต้องขึ้นกับพี่น้องประชาชนว่าจะให้อยู่ต่อหรือไม่