วันที่ 23 ต.ค. ที่ โรงแรมเซ็นทารา วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน ‘เภสัชกรหญิงสิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์’ หรือ ‘น้องบิ๊นท์’ นางสาวไทย ประจำปี 2562 พูดถึงการเตรียมความพร้อม เข้าร่วมประกวดนางงามเวทีระดับนานาชาติ ‘มิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019’ ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ตัวแทนประเทศไทยวัย 25 ปี บอกว่า ภายหลังได้ดำรงตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 51 ถูกจารึกชื่อเป็นสาวงามจากเวทีนี้ออกไปชิงมงกุฏนอกบ้านครั้งแรกในรอบ 19 ปี ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากหน่วยงานที่ทำงานอยู่ ซึ่งเธอเองก็โชว์สปิริตลางานโดยไม่ขอรับเงินเดือน ทำให้มีเวลาทุ่มเทกับการเตรียมตัวอย่างมาก โดยมี ดร.อดิสร สุดดี หรือ ‘หนุ่ม เชียงใหม่’ ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวไทย ร่วมวางโปรแกรมเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมการประกวดมิสอินเตอร์เนชันแนล 2019 แบบเต็มรูปแบบ 2 สัปดาห์เต็มๆ
ทุกวันในช่วงเช้า เธอไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกายเพื่อฟิตร่างกายให้มีรูปร่างที่สวยงาม เป็นเวลา 2 ชั่วโมง น้ำหนักจาก 65 กิโลกรัม มาอยู่ที่ 55 กิโลกรัม ลดลงจากวันประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2562 หรือ ราว 3 สัปดาห์ ประมาณเกือบ 10 กิโลกรัม
จากนั้นไปเข้าคอร์สการเดิน และปรับบุคลิกภาพ ที่ สถาบัน จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์ โดยมี ‘ประณม ถาวรเวช’ หรือที่แวดวงนางงามรู้จักกันเป็นอย่างดีว่า ‘ป้าแจ๊ด’ ซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการนางงามประเทศไทย ผ่านการเป็นพี่เลี้ยง ‘มิสยูนิเวิร์ส’ หรือ ‘นางงามจักรวาล’ มาหลายยุคหลายสมัย ให้เกียรติมาติวเข้ม และฝึกฝนการเดินกับ ‘น้ำฝน ภักดี’ หรือ ‘ครูฝน’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับลุค และเสริมเทคนิคการเดินให้กับนางงาม อย่าง ‘น้ำตาล’ ชลิตา ส่วนเสน่ห์ และ ‘มารีญา พูนเลิศลาภ’ เมื่อครั้งไปประกวดนางงามจักรวาล
นอกจากนั้นยังมีนางงามรุ่นพี่ อาทิ ‘สาวิณี ปะการะณัง’ นางสาวไทย ประจำปี พ.ศ.2527 เข้ารอบ 10 คนสุดท้ามิสยูนิเวิร์สในปีเดียวกัน และ ‘บุ๋ม-ปนันดา วงศ์ผู้ดี’ ช่วยแนะการเตรียมตัวให้มีความพร้อมในการประกวดระดับนานาชาติ อาทิ การแต่งหน้าทำผม และการนำเสนอความอย่างไทยแบบอินเตอร์
ช่วงบ่ายเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับเรื่องภาษา และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเบื้องต้น ส่วนในช่วงเย็นฝึกเรื่องการพูดตามหัวข้อที่กองประกวดกำหนด ซึ่งในปีนี้ทางกองประกวดมิสอินเตอร์ เน้นในเรื่องสิ่งแวดล้อม บวกกับที่เธอชอบตอบคำถามมาจากใจ ยิ่งทำให้มีความมั่นใจไร้กังวลหากผ่านเข้าถึงรอบตอบคำถาม
เมื่อถามถึงความมั่นใจ บิ๊นท์ ตอบเสียงดังฟังชัดมากๆ "มั่นใจว่าต้องได้มงฯ" ก่อนกล่าวเสริมสิ่งที่ทำให้มีความมั่นใจจนกล้าตอบฉะฉานแบบนี้ เพราะรู้สึกว่าได้รับครบหมดแล้ว
“คำว่าครบของบิ๊นท์คือระหว่างเตรียมตัวทีมงานให้เราครบแล้ว และแฟนนางงามก็ให้กำลังใจเป็นอย่างดี บิ๊นท์เองก็รับมาหมดแล้ว ใจขึ้นแล้ว ตื่นเต้นอยากถ่ายทอดออกไปเต็มที่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดพัฒนา ระหว่างการประกวดเชื่อว่าต้องมีอะไรให้ปรับตัวตลอด”
สำหรับชุดที่ สาวงามตัวแทนประเทศไทยนำไปใส่ขึ้นเวทีประกวดในปีนี้ ชุดว่ายน้ำแบรนด์ SIRIVANNAVARI ชุดประจำชาติ ซึ่งเป็นชุดไทยศิวลัย แบรนด์ฟินนาเล่ ชุดราตรี แบรนด์พรีเว่ กูตูร์ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมผ้าไหมไทยจากจิมทอมสัน นำไปร่วมประมูล
พร้อมกันนี้เธอยังได้เตรียมงานแฮนด์เมดชาวเขา จาก จ.เชียงใหม่ นำไปมอบให้เพื่อนผู้เข้าประกวดจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นที่ของทีระลึก เพื่อต่อยอดเชิญชวนชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
“ความสวยงามของประเทศไทย คือ คนที่มีอัธยาศัยดี มีรอยยิ้มสวยงาม ตามคำว่า ไทยแลนด์ แลนด์ออฟสไมล์ การที่จะทำให้ชาวต่างชาติได้มาสัมผัสสิ่งที่กล่าวมา คือต้องเชิญชวนให้เขามาเที่ยวเมืองไทยให้ได้ จึงเป็นที่มาของการนำงานแอนด์เมดของชาวเหนือ อย่าง ช้างแต่งตัวทั้งรูปแบบที่เป็นตุ๊กตา และที่เป็นโลหะ และผ้าไทยจากจิมทอมสันไปเป็นของที่ระลึก รวมทั้งนำเสนอท่องเที่ยวสวยงามให้เพื่อนๆ ผู้เข้าประกวดได้รับรู้ เชิญชวนเขามาเที่ยว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ”
ด้าน ดร.อดิสร สุดดี ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวไทย เผยถึงงบประมาณที่ใช้เตรียมความพร้อมของสาวงามตัวแทนประเทศไทย เบื้องต้นอยู่ที่ 7 แสนบาท แต่กว่าจะถึงวันประกวดรอบตัดสินต้องใช้มากกว่านี้แน่นอน
“ความพร้อมของน้องเวลานี้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ถามถึงความหวัง ยอมรับว่าหวังถึงมงกุฏ ด้วยศักยภาพ และความมุ่งมั่น ทุกวันที่อยู่กับน้องเห็นได้ว่าเขามีความกระหายมง และตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่ บวกกับริบทของเวทีนี้ชอบผู้หญิงสวย อ่อนหวานนอบน้อม และมีความเฟรนด์ลี่ ซึ่งเราเห็บว่าน้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีน้องถูกจับตามองจากสื่อมวลชนต่างประเทศ และยกให้เป็นตัวเต็ง ร่วมกับสาวงามประเทศฟิลิปปินส์ และเม็กซิโก หลังจากที่เราเริ่มปล่อยรูป Portrait ไปในสื่อโซเชียล ซึ่งถ้าน้องสามารถคว้ามงกุฏมิสเตอร์ 2019 ได้ จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวงามจากประเทศไทยคนแรกที่ประสบความสำเร็จสูงสุดบนเวทีประกวดนางงามระดับนานาชาติ ที่มีการปะกวดยาวนานถึง 59 ปี” ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวไทยกล่าว
น้องบิ๊นท์ เสริมว่า รู้สึกเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ ที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษตั้งแต่โค้งแรกของการประกวด
“มันเป็นเรื่องยากนะกับการสร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวไทยคนแรกที่คว้ามงกุฏมิสอินเตอร์มาครอง แต่ไม่ว่าจะทำอะไรเราต้องทำอย่างมีความหวังว่าจะได้รับความสำเร็จสูงสุดตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ ดีใจที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ และจะตั้งใจทำทุกวันระหว่างประกวดให้เป็นช่วงเวลาที่ดี นำความภาคภูมิใจมาให้คนไทย”
ในขณะที่ ‘ภูมิรัตน์ เลิศวิศิษฎ์ชัย’ หรือที่แวดวงนางงามรู้จักกันในนาม ‘แม่ลักษณ์’ ผู้ถือลิขสิทธิ์มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ เผยว่าจากการติดตามการเตรียมความพร้อมของสาวงามของน้องบิ๊นท์อย่างใกล้ชิด พบว่ามีความสวยเป็นธรรมชาติ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าไทยแท้ มีไหวพริบปฏิภาณที่ดี ภาษาอังกฤษดี หลังจากได้ดำรงตำแหน่งนางสาวไทย ผ่านการพัฒนาบุคลิกภาพ และเข้าคอร์สต่างๆ มีพัฒนาการที่ดีมาก เมื่อบวกกับต้นทุนที่ดีอยู่แล้ว เชื่อว่าแฟนนางงามน่าจะได้ลุ้นกันสนุกแน่นอน
ทั้งนี้ น้องบิ๊นท์ มีกำหนดเดินทาง ในวันที่ 25 ตุลาคม เที่ยวบิน TG 676 เวลา 07.35 น. จากท่าอากาศยานสวุรรณภูมิ เพื่อไปรายงานตัวเข้าร่วมการประกวด ที่กรุงโตเกียว โดยรอบตัดสินมิสอินเตอร์เนชันแนล 2019 จะมีขึ้นที่โตเกียวโดม ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: