ไม่พบผลการค้นหา
'แกนนำคนเสื้อแดง' ยื่นพรรคฝ่ายค้าน เร่งผลักดันกฎหมาย-นโยบาย รื้อฟื้นคดีคนเสื้อแดงที่ถูกแช่แข็ง ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด พร้อมอวยพรให้กลับมาเป็นรัฐบาล

วันที่ 23 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา แกนนำ นปช. ธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ และแนวร่วมคนเสื้อแดง เข้ายื่นหนังสือต่อพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย

ธิดา กล่าวว่า ขอขอบคุณพรรคการเมืองทั้งหมดที่ยืนยันในการทำงานในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เป็นอย่างดี ทำให้ประชาชนโล่งใจ และได้รับข้อมูลมากมาย แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง เพราะการเปลี่ยนจากประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเปลี่ยนความคิดของคนจำนวนมากจึงต้องใช้เวลา

"จึงขอให้กำลังใจพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลเที่ยวหน้า"

ธิดา ยังเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้รับผลกระทบโดยการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนปลาย หยุดชะงัก และถูกเบี่ยงเบนเนื่องจากอำนาจรัฐของการทำรัฐประหารต่อเนื่อง ในวาระที่คดีความยังมีเวลาเหลือเพียง 7 ปี คณะประชาชนทวงความยุติธรรมที่ประกอบด้วย ญาติวีรชนผู้สูญเสีย ทนายความที่ได้ร่วมดำเนินคดีตั้งแต่ต้น และกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้ถูกกระทำจากการปราบปรามครั้งนั้น ได้ร่วมกันเรียกร้องความยุติธรรมในห้วงเวลาใหม่ที่หวังว่าพรรคการเมือง นักการเมือง จะได้ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลง สร้างประเทศไทยใหม่ในระบอบประชาธิปไตยจริง จึงมีข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง ดังต่อไปนี้

1. ทำการเร่งรัดตรวจสอบและผลักดันคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็งและบิดเบือน ไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนที่ถูกปราบปรามเข่นฆ่าได้ (ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย) นับจากการทำรัฐประหาร2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อมิให้มีการฆ่าประชาชนกลางถนนซ้ำซากโดยผู้กระทำและสั่งการ “ลอยนวลพ้นผิด” ซึ่งอาจเกิดได้อีกในอนาคต รวมทั้งตรวจสอบผลักดันคดีความในช่วงเวลาปัจจุบัน อันเป็นคดีความทางการเมืองของกลุ่มเยาวชน ให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมที่เป็นสากล ไม่ให้เป็นการเลือกปฏิบัติและกลั่นแกล้งทางการเมือง

2. แก้ไขกฎหมาย กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดต่อประชาชน พลเรือน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ทหารและนักการเมืองไม่ได้ถูกดำเนินคดีเฉกเช่นประชาชนทั่วไป

3. เมื่อได้เป็นรัฐบาล ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเหตุการณ์2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่อัยการศาล ICC ได้มาแจ้งไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2555

4. ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง โดยการใช้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัดส่วนประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาตามหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ได้ลงนามไว้ในสหประชาชาติ รวมทั้งสนธิสัญญากรุงโรมที่ยังไม่ได้ลงนาม ก็ควรได้ลงนามในอนาคตหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว

5. แก้ไขกฎหมายอื่น อันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. และกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง

6. ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง เพราะ 3 แหล่งนี้เป็นกระบวนการกลุ่มอภิชนที่ยึดครองประเทศไทย ยึดอำนาจจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชนอำนาจกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นถึงปลาย อำนาจองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ล้วนต้องยึดโยงกับประชาชน รวมทั้งกองทัพ โครงสร้างการบริหารขององค์กรเหล่านี้ สมคบกันจัดการประชาชน และมีที่มาจากกลุ่มอภิชนด้วยกัน

7. กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค แก้ปัญหาระบบศักดินา เจ้าขุนมูลนาย และการคอรัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย

8. ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตา ส.ส. ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกเลย เพราะตราบเท่าที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง วุฒิสมาชิกถูกแต่งตั้งจากรัฐทหารจารีต อำนาจประชาชนก็ถูกจัดการทำลาย ยุบพรรคการเมืองโดยง่าย จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนผู้เห็นต่างเหมือนเช่นทุกวันนี้