ไม่พบผลการค้นหา
ในองค์กรธุรกิจปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศ ยังไม่มีการอุดช่องว่างอย่างเป็นจริงเป็นจัง หลายบริษัทยังไม่มีแผนดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่เพศชายมองไม่เห็นถึงปัญหา

ในปัจจุบันผู้หญิงสามารถเป็นซีอีโอ เจ้าของธุรกิจ คณะกรรมการบริหาร แพทย์ วิศวกร หรือแม้แต่คนขับรถบรรทุกได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงยังทำไม่ได้ คือการได้มาซึ่งความเท่าเทียมด้านเพศในสถานที่ทำงาน ทั้งในมิติของการเป็นผู้นำ รายได้ และการเลื่อนขั้น 

ประมาณร้อยละ 80 ขององค์กรทั่วโลกไม่ได้ยกให้ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของผู้หญิงเป็นประเด็นสำคัญหลัก ทั้งที่มีงานวิจัยบ่งชี้ให้เห็นว่าการทำเช่นนั้นแท้จริงแล้วส่งผลดีต่อบริษัทในส่วนที่สำคัญที่สุด

โดยงานวิจัยนี้เป็นการสำรวจผู้บริหารระดับสูงกว่า 2,300 คนทั่วโลก โดยสถาบันไอบีเอ็มเพื่อมูลค่าธุรกิจร่วม กับบริษัทออกซฟอร์ดอีโคโนมิคส์

จากการสำรวจครั้งนี้พบว่า มีเพียงร้อยละ 18 ขององค์กรที่ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ทำงาน ที่มีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิง สาเหตุหลักมาจากการที่องค์กรเหล่านี้ยึดมั่นอยู่บน 'ความตั้งใจดี' และการปฏิบัติต่อความหลากหลายแบบมีส่วนร่วมน้อยที่สุด หรือกล่าวในอีกนัยว่า บริษัทเหล่านี้ไม่ได้มองประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งหมายความว่า ไม่มีการตั้งเป้าหมายและใช้ตัวชี้วัดในการวัดผล เหมือนที่บริษัทเหล่านี้ทำกับเป้าหมายอื่นๆ

ปัจจัยอีกส่วนของปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศ มาจากการมองไม่เห็นปัญหาของผู้บริหารระดับสูงเพศชายกว่าร้อยละ 65 มองว่า หากตนเป็นผู้หญิงก็จะยังได้รับการเลื่อนขั้นอยู่ดี และอีกร้อยละ 68 เข้าใจว่า ค่าตอบแทนระหว่างเพศหญิงและเพศชายในองค์กรมีความเท่าเทียมกัน

กว่า 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามลงความเห็นว่าสาเหตุหลักที่มีผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งผู้นำน้อยกว่าผู้ชายมาจาก 'การเลือกครอบครัวมากกว่างาน'


4 องค์ประกอบองค์กร 'ผู้นำ' ทำก่อน

จากการสำรวจของไอบีเอ็มพบว่า บริษัทที่สำรวจทั้งหมดร้อยละ 12 ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและดำเนินการมากว่า 20 ปี ตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศอย่างจริงจัง และมีความพยายามแก้ไขที่เป็นรูปธรรม และหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญของบริษัท

โดยมีผลลัพธ์ด้านการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับบริษัททั่วไปที่อยู่ที่ร้อยละ 9 

ทั้งนี้ สิ่งที่ "ผู้นำ" เหล่านี้มีเหมือนกัน คือ องค์ประกอบ 4 ประการ

  • การสร้างแผนงานที่เจาะเป้าหมายความต้องการและความทะเยอทะยานของผู้หญิง ซึ่งรวมถึงมิติด้านครอบครัวด้วย
  • ใช้มาตรฐานเดียวกันในการวัดความสามารถของเพศชายและเพศหญิง
  • ให้โอกาสในการเติบโตทางสายงานที่เท่าเทียมกันทั้งเพศชายและเพศหญิง
  • สนับสนุนให้มีวัฒนธรรมในองค์กรที่เปิดรับการมีผู้นำเป็นเพศหญิง
ปี 2563 ต้องมีกรรมการผู้หญิงในบริษัทสัดส่วนร้อยละ 33

สมาคมเพื่อการลงทุน (The Investment Association) และแฮมป์ตัน-อเล็กซานเดอร์ องค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้เขียนจดหมายถึง 69 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน เช่น โดมิโน่พิซซ่า และเจดีสปอร์ต เพื่อให้เพิ่มอัตราส่วนผู้หญิงในคณะกรรมการบริหารเป็นร้อยละ 33 ภายในปี 2563 

ขณะทีี่ สมาคมฯ มีสมาชิกทั้งหมด 250 บริษัท มีทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 7.7 ล้านล้านปอนด์ หรือประมาณ 322 ล้านล้านบาท

'คริส คิมมิงส์' ประธาน สมาคมเพื่อการลงทุน กล่าวว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ "รับไม่ได้" ที่ 1 ใน 5 ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษตกอยู่ภายใต้ความไม่เสมอภาคทางเพศ โดย 66 บริษัทที่ได้รับจดหมายมีผู้หญิงเพียง 1 คน ในคณะกรรมการบริหาร ขณะที่อีก 3 แห่ง ไม่มีผู้หญิงเลย


"บริษัทต้องทำอะไรมากกว่า การทำอะไรแต่พอเป็นพิธีด้วยการเอาผู้หญิง 1 คน ไปไว้ในบอร์ดบริหารและถือว่าจบงาน" คริส กล่าว

ปัญหาความไม่เสมอภาคในที่ทำงานระหว่างเพศชายและหญิงยังคงเป็นปัญหาที่คาราคาซังต่อไป และแนวโน้มที่ปัญหาจะลดลงกลับยิ่งดูเลือนลางมากขึ้นไปอีก หากบริษัทต่างๆ ยังไม่มองว่านี่คือปัญหาที่สำคัญและต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

อ้างอิง; CNN, BBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :