นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมาก ส่งผลกระทบไปทั่วโลก และยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อไร โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทุกองคาพยพในธุรกิจท่องเที่ยว ตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำระสาย หลายประเทศกำลังเร่งหามาตรการรับมือ สำหรับประเทศไทย รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เร่งออกมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินและภาษี ทั้งที่ออกมาแล้วก่อนหน้านี้และที่กำลังจะทยอยออกมาในอนาคต
สำหรับมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินที่ออกมาผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐบาล อาทิ ธนาคารกรุงไทย ออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน ให้สามารถพักชำระหนี้เงินต้นตามระดับผลกระทบ และขยายเวลาการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับธุรกิจ สำหรับลูกค้ารายที่ใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อเดิม สามารถขยายระยะเวลาค้ำประกันออกไปได้อีก 5 ปี ให้สินเชื่อดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 4 ต่อปี กู้สำหรับ SMEs 10 ประเภท เลือกใช้ตามความต้องการของธุรกิจ ดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 4 ต่อปี
ธนาคารออมสินให้สินเชื่อเพิ่มวงเงินสูงสุด 50,000 บาท ผ่อนชำระคืนสูงสุด 5 ปี และปลอดชำระหนี้ 6 งวดแรก แก่ผู้ประกอบการ ผู้มีอาชีพอิสระ พนักงานลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม กู้ได้ทันทีภายใน 30 ก.ย. พร้อมทั้งลดดอกเบี้ยให้สูงสุดร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยจ่าย ระยะเวลา 1 ปี พักเงินต้นไม่เกิน 2 ปี และขยายเวลาชำระหนี้ ยื่นคำขอได้ภายใน 31 ธ.ค. 2563
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อ 12 เดือน สำหรับลูกค้า SMEs เดิม ในกลุ่มธุรกิจบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก หรือธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเป็นลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ ตั้งแต่ 1 ก.พ. –31 ก.ค. 2563
ส่วนมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี ให้ขยายระยะเวลาการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถึงเดือนมิถุนายน มาตรการภาษีสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ สำหรับรายจ่ายในปี 2563
นอกจากนี้ นายชาญกฤช กล่าวต่อว่า รัฐบาล ผ่านทางกระทรวงการคลัง เฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องผู้ประกอบการทุกประเภทธุรกิจอย่างใกล้ชิด โดยได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินและภาษีที่ออกมาแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศก็ดี และมาตรการชิมช้อปใช้ เฟสใหม่ก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำลังเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาแรงที่จะช่วยขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน พี่น้องประชาชนควรงดการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส แล้วหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศกันให้มาก ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัย เพราะรัฐบาล ผ่านทางกระทรวงสาธารณสุข มีมาตรการคุมเข้มไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับการยืนยันจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพ (Health Security) อันดับที่ 6 จากทั้งหมด 195 ประเทศ อีกทั้งเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ใน 10 ด้านความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดดีที่สุดในโลก
ทั้งนี้ อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวภายในประเทศได้อย่างสบายใจ และอยากเชิญชวนให้จับจ่ายใช้สอยกันให้มาก เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง