วันที่ 14 ต.ค. 2565 ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เนื่องในวาระครบรอบ 49 ปีเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่นับจากนั้นมาการเมืองไทยยังล้มลุกคลุกคลานไม่ได้พัฒนาในระดับที่น่าพอใจ เดินหน้า 1 ก้าวแต่กลับถอยหลังไป 2 ก้าว 3 ก้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 8 ปีที่ผ่านมา นับแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ประเทศล้าหลังไปมาก การเมืองยังอยู่ในวังวนการสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ถูกล็อคไว้ด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรม จะแก้ไขก็ไม่ได้เพราะผู้อำนาจที่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหารไม่ยินยอม พยายามต่อสู้ขัดขวางทุกวิถีทาง ในหลายครั้ง เหตุการณ์ในวันนั้น ทุกคนในวันนี้ไม่เคยเรียนรู้ที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น กลับทำซ้ำรอย จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่ประชาธิปไตยมีความพิกลพิการ สังคมไทยเปราะบาง มองไม่เห็นหนทางยืนหยัดบนเวทีโลกได้อย่างสง่างามได้ 

ตรีชฎา กล่าวว่า คำกล่าวที่ว่า ‘ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน ที่ใดมีเผด็จการ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้’ เป็นสัจธรรม เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการเมืองทั่วโลก จึงอยากฝากเตือนไปถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา ให้ได้ศึกษาบทเรียนจากรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ไว้เป็นอนุสติ เมื่อประชาชนไม่พอใจการบริหารประเทศของรัฐบาลและเรียกร้องให้มี ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อแทนรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ควรรับฟัง เปิดใจกว้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชนได้อย่างแท้จริงเสียที