ประเทศแถบภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก กำลังกลายเป็นผู้นำด้านการณรงค์ต่อต้านผลิตภัณฑ์ช่วย ‘เพิ่มออร่า’ อย่างครีมทาผิวขาวกระจ่างใส น้ำยาฟอกสีผิว รวมถึงเครื่องสำอางต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร ‘ไฮโดรควิโนน’ (Hydroquinone)
พอล คากาเม (Paul Kagame) ประธานาธิบดีรวันดา ออกมากล่าวว่า จำเป็นต้องสั่งห้ามการจำหน่วยผลิตภัณฑ์ทาผิวขาวบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสนองตอบผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกร้องให้รัฐบาลปราบปรามการฟอกสีผิว โดยเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2018 คากาเมทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ว่า ครีมทาผิวขาวนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขของประเทศ และตำรวจ ช่วยกันจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วน
ต่อมาตำรวจเดินหน้าตรวจตราตามตลาดในเมืองหลวงคิกาลี และจังหวัดต่างๆ ทัั่วแอฟริกากลาง เพื่อยึดผลิตภัณฑ์ทาผิวขาว และฟอกสีผิวจากผู้ขาย โดยสื่อท้องถิ่นของรวันดากล่าวว่า เมื่อเดือนก่อนตำรวจสามารถยึดเครื่องสำอางต่ำกว่ามาตรฐาน และผลิตภัณฑ์ฟอกสีผิวต้องห้ามได้มากกว่า 5,000 ชิ้น จากร้านเสริมสวยทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภททั้งสบู่ ออยส์ โลชั่น และสเปรย์
ส่วนทางด้านคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ (Rwanda Standards Board) ออกเตือนประชาชนเกี่ยวกับรายชื่ออิื่นๆ ของสาร ‘ไฮโดรควิโนน’ ที่มีมากกว่า 80 ชื่อ ซึ่งมันล้วนเป็นหนึ่งส่วนผสมต้องห้ามในเครื่องสำอาง
แม้ครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอทจะถูกถอนออกจากสหภาพยุโรป และเกาหลี แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ผิวขาวกระจ่างใสกลับวางจำหน่ายกันอย่างโจ่งครึ่มในหลายประเทศแถบทวีปแอฟริกา และมันเป็นการจำหน่ายแบบปราศจากข้อจำกัด ทั้งๆ ที่มีความพยายามต่อต้านจากภาคประชาชน และรัฐบาลเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม
ที่ผ่านมา ดาราทีวีเรียลลิตี้สัญชาติอเมริกัน แบลค ชานา (Blac Chyna) ต้องเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์หนักหน่วงหลังจากเธอออกมาประกาศเป็นพันธมิตรกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามสุดหรูที่แบรนด์ ‘Whitenicious’ เพื่อเปิดตัวครีมบำรุงผิวหน้าในลากอส เมืองใหญ่สุดของประเทศไนจีเรีย
อย่างไรก็ตาม เดนเซีย (Dencia) นักร้องชาวแคเมอรูน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตครีมเจ้าปัญหาออกมาแก้ต่างว่า “มันเป็นแค่ครีมรักษารอยด่างดำ และลดการเพิ่มขึ้นของเม็ดสีเฉพาะจุด”
ส่วนเหตุผลของการสั่งห้ามหลักๆ แล้วมาจากตัวผลิตภัณฑ์ปรับสภาพผิวมีส่วนผสมของสารเคมี เช่น สารปรอท และไฮโดรควิโนน ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของตับ อีกทั้งยังลดความต้านทานต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา เรื่อยๆ จนร้ายแรงสุดๆ ถึงขึ้นสร้างความวิตกกังวล อาการซึมเศร้า และภาวะทางจิต
ทว่าจากการคาดการณ์ของบริษัทวิเคาระห์อุตสาหกรรมทั่วโลก (Global Industry Analysts) ระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาวกระจ่างใสทั่วโลกจะมูลค่าสูงถึง 31.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2017 โดยเฉพาะแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
มากไปกว่านั้น ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2011 ยังเผยรายละเอียดด้วยว่า ผู้หญิงในประเทศไนจีเรีย 77 เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงในประเทศโตโก 59 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงในประเทศมาลีประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาวกระจ่างใสเป็นประจำ
ก่อนหน้านี้ ประเทศไอวอรีโคสต์ดำเนินการสั่งห้ามใช้ครีมทาผิวขาวแล้วเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา ตามมาด้วยประเทศกาน่าที่สั่งห้ามใช้ครีมทาผิวขาวเมื่อปี 2017