วันที่ 19 ม.ค. สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายพรรคเสรีรวมไทย และ วีระ สมความคิด เดินทางมายื่นคำร้องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำหรับ 5 ข้อกล่าวหาที่สมชัย และวีระ ต้องการให้ กกต.มีคำวินิจฉัย ประกอบด้วย
1.ใช้รถบัสมากกว่า 100 คัน ขนคนข้ามจังหวัด มาฟังคำปราศรัยในวันที่ 9 ม.ค. 2566 เป็นประเด็นก้ำกึ่งว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่การขนคนถือเป็นประโยชน์ที่ตีมูลค่าเป็นเงินได้ พร้อมทั้งขอให้ กกต.ไต่สวนเรื่องการจัดเลี้ยง ค่ายานพาหนะ และค่าเสียเวลา สำหรับผู้ร่วมฟังปราศรัยด้วย
2.การแจกเสื้อ และหมวก มากกว่า 4,000 ชุด มูลค่ามากกว่า 1,000,000 บาท แม้ซองที่เสื้อเขียนว่า ทรัพย์สินของพรรคการเมือง ใช้ในการประชุมเท่านั้น แต่หลังการประชุมไม่มีการเรียกคืน ทุกใส่เสื้อและหมวกกลับบ้าน ซึ่งมีพยานบุคคลที่ยืนยันว่า เขาไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่ได้รับการแจกเสื้อแลและหมวก โดยไม่มีการเรียกคืน
3.การจัดมหรสพ โดยศิลปินระดับชาติ 'หรั่ง ร็อกเครสตรา' ร้องเพลงที่พรรคการเมืองดังกล่าวแต่งมา จำนวน 3 เพลง
4.การปราศรัยของ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไม่เหมาะสม กล่าวถ้อยคำหรือหยาบคาย กร้าวร้าว และรุนแรง
5.การจัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรค แต่ไม่มีการเซ็นชื่อของผู้เข้าร่วม ไม่มีการประชุมตามวาระ ไม่มีการลงมติเลือกกรรมหารสรรหาผู้สมัคร เป็นการใช้ชื่อประชุมเพื่อบังหน้าหาเสียง
สมชัย ย้ำว่า กกต.ควรมีคำวินิจฉัย เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกพรรคการเมืองว่าสามารถดำเนินการดังกล่าวได้หรือไม่ หากไม่สามารถทำได้ กกต.ต้องมีมติส่งต่อไปยังศาลฎีกา ให้มีคำพิพากษา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 73(1) - 73(5) ฐานความผิดต่อผู้สมัคร พรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค มีบทลงโทษ จำคุก 10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิในการสมัครเลือกตั้ง 20 ปี
หากมีการยุบสภา คดีดังกล่าวจะหายไปหรือไม่นั้น ตามกฎหมายการนับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงจะเริ่มนับตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ส่วนคดีความ กกต.ต้องวินิจฉัยว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ หาก กกต.มีคำวินิจฉัยไม่เดินหน้าต่อ กกต.จะเกิดปัญหาตัดสินเอื้อประโยชน์พรรคการเมือง มีบทเรียนมาแล้วใน กกต.ชุดที่ 2 ติดคุกติดตาราง พ้น กกต.ยกชุด กกต.ต้องคิดให้ดี ยุบสภาคดีต้องไม่สิ้นสุดลง
"ฝากเป็นบทเรียนให้ กกต.ชุดนี้ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส อะไรผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก พูดให้สังคมชัดเจน อะไรทำได้ ทำไม่ได้ หลักฐานที่เรามอบให้เพียงพอ เป็นอาหารที่ปรุงเสร็จพร้อมให้ท่านเคี้ยว หากวางเฉยอยู่บนโต๊ะอาจมีปัญหา"
วีระ กล่าวว่า จะให้เวลา กกต.พิจารณาเพียง 1 เดือน หากไม่ดำเนินการอะไร จะดำเนินการตามกฎหมายกับกรรมการ กกต. ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ