แต่ก็ไม่พอ เพราะความไม่ชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ‘เหนียมตัวเอง’ มาตลอดในการเข้าซบ รทสช. เพราะเกรงจะเสียสถานะนายกฯ ที่ไม่ได้สังกัดพรรคใด ที่ทำให้ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ติด ‘แบรนด์พรรค’ ใด จึงมีสถานะเหนือ ‘แคนดิเดตนายกฯ’ พรรคอื่นๆ แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเคยสนับสนุนชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เมื่อ 4 ปีก่อนก็ตาม
ทำให้สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ขยับมาสู่การเป็น ‘นักการเมืองเต็มขั้น’ มากขึ้น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครสมาชิก รทสช. ด้วย เพื่อป้องกันครหา-ขัดกฎหมายปม ‘ครอบงำพรรค’ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ไปพบปะนักการเมือง-ส.ส. หลายๆวง วงละหลักไม่กี่คน รวมแล้วประมาณ 40 คน โดยใช้ร้านอาหารกึ่งบ้านพักย่านอารีย์พบปะพูดคุย เพราะใกล้กับที่ทำการพรรค รทสช. และใกล้กับบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ ใน ร.1 ทม.รอ. ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดบ้านพักในนักการเมืองเข้าไป จึงเกรงในเรื่องการใช้ ‘พื้นที่กองทัพ’ ไปในเรื่องการเมือง
ขุนพลคนสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ ในเวลานี้คือ ‘ตุ๋ย’พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า รทสช. ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ‘เลขาธิการนายกฯ’ ขึ้นมาทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเป็น ‘นายกฯน้อย’ ถูกจับตาเป็นทายาท ‘ระบอบ 3ป.’ อีกคน
หลังกรุยทางทำ รทสช. มานาน สำหรับ ‘พีระพันธ์ุ’ เป็นศิษย์เก่า ร.ร.เซนต์คาเบรียล สนิทสนมกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ตั้งแต่สมัยเรียนเซนต์คาเบรียล เป็น ‘เลือดน้ำเงิน-ขาว’ โดย ‘พีระพันธ์ุ’ อายุมากกว่า พล.อ.อภิรัชต์ 1 ปี ทั้งคู่ต่างเป็นลูกนายทหารใหญ่ แต่ ‘พีระพันธุ์’ มาโตทางสายนักกฎหมาย-อดีตผู้พิพากษาแทน
สำหรับ ‘พีระพันธ์ุ’ เป็นบุตรชาย พล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และเจ้ากรมการพลังงานทหาร ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหารขึ้นมา
ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ เป็นบุตรชาย ‘บิ๊กจ็อด’พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ ถือเป็น ‘กองหนุนคนสำคัญ’ ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. จนมาเป็น นายกฯ โดยเฉพาะยุคที่ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ. ก็ทำงานใกล้ชิดและออกมาตอบโต้ขั้วตรงข้ามรัฐบาล-กองทัพ ภายหลังเกษียณฯ ก.ย. 2563 พล.อ.อภิรัชต์ ก็คอยเป็น ‘สะพานเชื่อม’ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผบ.เหล่าทัพ ที่มีระยะห่างกันเรื่องรุ่น ตท. และโตมาคนละสายกับ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ด้วย
สำหรับ ‘พีระพันธ์ุ’ ถือว่าตรงสเปก พล.อ.ประยุทธ์ ที่นิยมใช้งานนักกฎหมาย เพราะมีความรอบคอบ-ไม่รับปากไปทุกเรื่อง แต่อีกด้านก็เป็นอุปสรรคในการทำงานการเมือง การเข้ามาของ ‘พีระพันธุ์’ ในอีกแง่จึงถูกวิจารณ์เป็น ‘เงาบิ๊กแดง’ นั่นเอง
พล.อ.อภิรัชต์ จบ ตท.20 ซึ่งเป็นรุ่นสุดแกร่งก่อนหน้าที่ ที่ยึดกองทัพนั่ง ผบ.เหล่าทัพ เกือบทั้งหมด อีกทั้งมี ตท.20 เป็นขุนพลรายล้อม ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ หลายคน ในฝั่ง ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ก็มี ‘บิ๊กณัฐ’พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เกษียณฯ ก.ย. 2564 อยู่ด้วย ในฐานะคณะทำงานรองนายกฯ ที่สำคัญคือ ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ที่แม้ไม่ได้จบ ตท.20 จบนายร้อยตำรวจรุ่น 36 แต่ก็ได้รุ่น ตท.20 ผ่านรหัส 2036 เวลาไปงานของเตรียมทหาร ซึ่ง ‘บิ๊กแดง-บิ๊กแป๊ะ’ มีความใกล้ชิดกันมานาน
ล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถูกมองเป็นหนึ่งในทายาทของ ‘ระบอบ 3ป.’ ที่ในปัจจุบัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ้นช่วงการเว้นวรรคการเมือง 2 ปี หลังพ้นเก้าอี้ ส.ว. มาแล้ว จึงเดินเครื่องเต็มสูบทำการเมืองให้ พล.อ.ประวิตร ในขั้ว พปชร. พื้นที่ภาคอีสาน กับ ‘บิ๊กอี๊ด’พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ตท.21)
อย่างไรก็ตาม ‘พีระพันธ์ุ’ ก็มีความคุ้นเคยกับ ‘บิ๊กป้อม’ เพราะเคยทำงานร่วมกันคุ้นเคยกันตั้งแต่ปี 2551 สมัย รบ.อภิสิทธิ์ ที่ในขณะนั้น ‘บิ๊กป้อม’ เป็น รมว.กลาโหม ส่วน ‘พีระพันธุ์’ เป็น รมว.ยุติธรรม และเคยเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. ก่อนลาออกมาสร้างรังใหม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์
ในวันนี้ ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ กำลังสร้างดาวคนละดวง เดินยุทธวิธี ‘แยกกันเดิน รวมกันตี’
ในฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ กำลังสร้างรังใหม่ รทสช. มีการให้จับตาการตั้ง ‘ซูเปอร์บอร์ด’ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ คุม กก.บห.พรรค อีกชั้นหนึ่ง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ ก็คือหนึ่งใน ‘กองหนุน’ รทสช. ทำให้ภาพ รทสช. ถูกมองเป็น ‘ประชาธิปัตย์’ (ปชป.) สาขา2 ทันที เพราะคนที่แวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ มาจาก ปชป. ทั้งสิ้น โดยมี ‘ขิง’เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการ รทสช. รวมทั้งขุนพลใหม่ล่าสุด คือ ‘ไตรรงค์ สุวรรณคีรี’ ที่ลาออก ปชป. มาเป็น ‘ที่ปรึกษานายกฯ’ ก่อนตัดสินใจมาซบ รทสช. เต็มตัว.
รวมทั้ง ‘เสี่ยเฮ้ง’สุชาติ ชมกลิ่น ที่ลาออก ผอ.พลังประชารัฐ เตรียมมาซบ รทสช. เช่นกัน โดยมีรายงานว่า ‘เสี่ยเฮ้ง’ ยืนยันไม่เอาตำแหน่งเลขาธิการ รทสช. รวมทั้งเตรียมพูดคุยการทำงานการเมือง กับ ‘สุเทพ’ ด้วย
รวมทั้ง ‘เสธ.หิ’ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่เป็นมือทำงานลับให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดย ‘เสธ.หิ’ จบ ตท.25 เพื่อน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ที่เดินเส้นทางผู้กว้างขวางมาด้วยกัน แต่ ‘เสธ.หิ’ เป็นทหารเสือฯ ร.21 รอ. เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเลือกเดินกับ ‘ป.ประยุทธ์’ มาสร้างรังใหม่ รทสช..
นอกจากนี้ยังมี ‘วิทยา แก้วภราดัย’ ที่ได้รับหน้าที่ดูแลภาคอีสาน ในฐานะ กก.บห.รวมไทยสร้างชาติ รวมทั้ง ‘บ้านใหญ่ปักษ์ใต้’ ที่ก็ทยอยมาซบ รทสช. พิงกระแส ‘บิ๊กตู่’ ในพื้นที่ภาคใต้ เช่น บ้านใหญ่จุลใส เป็นต้น ล่าสุด ‘ชัช เตาปูน’ชัชวาลล์ คงอุดม ก็ออกจากพรรคพลังท้องถิ่นไทย มาซบ รทสช. อีกราย.
ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวชัดก็ทำให้ รทสช. มีราคาต่อรองมากขึ้น แต่มีจุดชี้ขาดคือการรวมเสียงให้ได้ ส.ส. 25 ที่นั่งขึ้นไป และ รทสช. ได้ ส.ส. ในระดับที่วัดพลังกับ ‘พปชร.-ภูมิใจไทย-ปชป.’ เพื่อต่อรองในการ ‘ตั้งรัฐบาล’ ในอนาคต
แม้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ได้ถึงเพียงปี 2568 แต่หากทดเวลาบาดเจ็บช่วง ‘รักษาการ-หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ’ ก็อาจอยู่ได้ถึงเกือบปี 2569 แต่สุดท้ายแล้วทั้ง ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ก็ต้อง ‘วางทายาท’ ในการกรำศึกการเมือง ซึ่งหนีไม่พ้น ‘แผงอำนาจ ตท.20’ นั่นเอง
ลงหลังเสือไม่ให้เสือแว้งกัดได้ !!