นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเตรียมการรับมือ หากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ล่าช้าออกไปว่า ต้องรอดูว่ากระบวนการทางสภาฯ จะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่งยังไม่ทราบต้องใช้เวลาอีกกี่เดือน หรือต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาหรือไม่ แต่ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง พิจารณาแนวทางเลือกต่างๆ ไว้ และเตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณา และหารือกับทางสำนักงบประมาณไว้แล้ว
ส่วนการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อกู้เงินลงทุนในโครงการลงทุนที่อยู่ในปีงบประมาณ 2563 ถือว่าเป็นแนวคิดหนึ่ง หรือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เตรียมไว้และจะนำไปพิจารณาด้วย แต่ยืนยันว่า เรื่องงบประมาณที่ล่าช้าจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุน และไม่กระทบต่อเงินเดือนข้าราชการ
"เราดูแนวทางอยู่ หากมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราสามารถบริหารจัดการได้ในทุกเรื่อง ทั้งงบประจำและงบลงทุนจะทำอย่างไร" นายอุตตม กล่าว
พร้อมกล่าวถึง แนวทางรับมือหากการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าอาจส่งผลต่อการจัดซื้อจัดจ้างว่า ทุกหน่วยงานสามารถเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างไว้ได้ก่อน เพียงแต่ยังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ ต้องรอให้งบประมาณผ่านก่อน
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมการรับมือหากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ล่าช้าออกไปว่า ไม่อยากให้มองในแง่ร้าย แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีการเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว จึงอยากให้คิดถึงผลกระทบของประเทศโดยส่วนรวม ซึ่งในขณะนี้การใช้จ่ายงบประมาณก็ถือว่า ล่าช้าอยู่แล้ว แต่หากต้องล่าช้าออกไปอีก ก็อยากให้ล่าช้าน้อยที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะไม่มีเงินลงทุนที่มาหมุนเวียนในระบบได้ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการคลังก็เตรียมจะผลักดันนโยบายที่จะส่งเสริมให้เอกชนมาลงทุนภายในปีนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้จะประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเดินหน้าการลงทุนที่มีความพร้อมก่อน รวมถึงหามาตรการจูงใจเพื่อให้เอกชนสนใจการลงทุนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: