วันที่ 14 ก.พ. ที่ลานประชาชน หน้าอาคารรัฐสภา ในงานกิจกรรม ‘ส่งรักให้ถึงสภา ถามหาความยุติธรรม เพื่อนิรโทษกรรมประชาชน‘ โดยเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน 23 องค์กร พร้อมด้วยกลุ่มนักกิจกรรมและอาสาสมัคร รวบรวมรายชื่อของประชาชนเพื่อนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และได้มีการเชิญชวนประชาชน มาร่วมกันลงรายชื่อ เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่วมกันถามหาความยุติธรรม กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แก้ไขสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นให้ถูกต้อง เพื่อให้การนิรโทษกรรมประชาชนทุกฝ่าย ทุกข้อหา เป็นไปได้จริง
ลานประชาชนคึก!
โดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคน 1 เป็นผู้กล่าวเปิดงาน โดยระบุว่า เมื่อร่างกฎหมายของภาคประชาชน ผ่านวาระที่ 1 ประชาชนก็จะเป็นตัวแทนเข้าไปพูดคุยแสดงความคิดเห็นในวาระที่ 2 ซึ่งเป็นชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) และประชาชนจะมีบทบาทในการตรากฎหมายของตนเอง หวังว่าจะมีประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง และขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันล่ารายชื่อ และเนื่องจากในปัจจุบันมีระบบดิจิทัลที่สามารถใช้ในการยืนยันตัวตน และรวบรวมรายชื่อ ทำให้มีความรวดเร็วมากขึ้น มีกฎหมายภาคประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกฝ่าย และประชาชนทุกคนในที่นี้ ช่วยกันใช้พื้นที่เรียกร้องสิ่งที่ประชาชนต้องการ และขอสื่อสารถึงกลุ่มอนุรักษ์ให้มาใช้พื้นที่ลานประชาชน เพื่อจะได้ฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับใคร เชื่อว่าการฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกัน จะนำมาซึ่งอารยะในการอยู่ร่วมกันโดยไม่ทำร้ายกัน พร้อมให้กำลังใจนักโทษทางการเมืองทุกคน ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงและกังวล ขอให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมโดยเร็ว
ต่อมา เป็นการเสวนาเรื่อง ‘ปัญหาและผลกระทบจากการดำเนินคดีการเมือง‘ ซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, และมารดาของ โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักโทษคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมเสวนา และการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ซึ่งมี พูนสุข พูนสุขเจริญ ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และ รัชพงษ์ แจ่มจิรไชยกุล โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เป็นผู้นำเสนอ
จากนั้น เป็นการแสดงดนตรีจากวงสามัญชน และการนำเสนอเรื่องราวและบทสรุป ‘การเดินทางของรายชื่อและความร่วมมือของประชาชน’ โดยอาสาสมัครและเครือข่ายทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการนับถอยหลังปิดรับรายชื่อจากประชาชนในเวลา 19.00 น. ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 39,509 รายชื่อ
ทั้งนี้ ภายหลังการปิดรับรายชื่อ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ได้ส่งมอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชนให้กับหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนมารับ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคเป็นธรรม
และได้ให้ตัวแทนหัวหน้าพรรคการเมืองของแต่ละพรรค ร่วมแสดงความคิดเห็น ต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน ประกอบด้วย ขัตติยา สวัสดิผล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, ชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, กัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม
'เพื่อไทย' มุ่งหาทางออกไม่ขัดแย้ง
โดย ขัตติยา กล่าวว่า ในที่สุดวันนี้ก็มีการเสนอแล้วพูดถึงการนิรโทษกรรมในสังคมไทยอีกครั้งหนึ่งจากเดิมที่มีการพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่การพูดในครั้งนั้นกลับนำไปสู่เงื่อนไขอันทำให้เกิดการรัฐประหาร 10 ปีผ่านไป วันนี้มีการพูดถึงเรื่องนี้นิรโทษกรรมกันอีกครั้ง มีการเสนอร่างกฎหมายจากหลายพรรคการเมือง รวมถึงวันนี้ 39,509 รายชื่อ เสนอเป็นร่างประชาชนเข้ามา
ในแต่ละร่างจะเห็นถึงความแตกต่างในหลักการ ที่แต่ละพรรคแต่ละฝ่ายเสนอเข้ามา ความแตกต่างเหล่านี้เป็นสาเหตุให้พรรคเพื่อไทยตัดสินใจยื่นญัตติเสนอกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อหาแนวทางอันเป็นสารตั้งต้นให้หลายๆ พรรคการเมือง นำไปร่างเป็นกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมา เพื่อไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
"กรรมาธิการฯ ชุดนี้ตั้งใจให้มีการพูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่อยากให้มีนิรโทษกรรม รวมถึงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมรวมถึงหลากหลายอนาคตคิด ว่าคดีอะไรบ้างสมควรได้รับการนิรโทษกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ การพูดคุยและรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราไม่อยากให้การนิรโทษกรรมครั้งนี้ มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทาง หลายคนอยากเห็นการนิรโทษกรรมเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นนักโทษทางความคิดหรือนักโทษทางการเมืองที่ใช้เสรีภาพของตนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หลายฝ่ายอาจยังไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมในวันนี้ แต่เวทีสภากรรมาธิการวิสามัญชุดนี้จะทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ เพื่อรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ไม่ให้การนิรโทษกรรมในวันนี้นำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตเหมือนในอดีตที่ผ่านมา" ขัตติยา กล่าว
'ก้าวไกล' ย้ำคดีการเมืองไม่ใช่อาชญากรรม
ด้าน ชัยธวัช หวังว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่สภาได้ตั้งขึ้น จะเป็นเวทีสำคัญที่เราจะสามารถรวบรวมหลายๆ ความเห็นมาปรึกษา เปรียบเทียบ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจของผู้แทนราษฎรของเราได้
ชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า โดยเบื้องต้น ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล สนับสนุนการนิรโทษกรรมอยู่แล้ว และใช้หลายโอกาสในการผลักดันเรื่องนี้ และยังยืนยันว่าการนิรโทษกรรม ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ผิด เพราะหลายคนอาจไม่เห็นด้วย แล้วมองว่าเรื่องนี้เป็นการสนับสนุนให้คนกระทำผิดไปเรื่อยๆ
"ต้องยอมรับว่าในข้อเท็จจริงมีคนกระทำผิดรวมถึงผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด วันนี้คิดว่าถ้าเราจะหาทางออกให้บ้านเมืองเราไม่สามารถมองคดีความเหล่านี้ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมือง มีเหตุจูงใจทางการเมืองอย่างแยกไม่ออก เราไม่สามารถมองคดีเหล่านี้เป็นอาชญากรรมได้ แต่ต้องมองเป็นปัญหาทางการเมืองและความขัดแย้งทางความคิด"
อย่างไรก็ตาม ชัยธวัช ย้ำว่า ลำพังการนิรโทษกรรมอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองทั้งหมดได้ ยังคงต้องพูดคุยกันอีกเยอะหลายเรื่องว่าควรมีอะไรต้องทำบ้าง ทั้งก่อนและหลังจากนิรโทษกรรม เป็นโจทย์ที่หวังว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญ จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการรวบรวมข้อเสนอ
ชัยธวัช ยังเสนอแนวทางการเมืองแห่งความรัก ที่ไม่ใช่ว่าเราจะรักกันทุกคน แต่เป็นการเมืองที่มีความเข้าอกเข้าใจกัน ยืนอยู่บนพื้นฐานความปรารถนาดีต่อส่วนรวม แม้ว่าเราอาจไม่ได้เห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่อยากให้ทุกอย่างร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการเมืองแห่งความรัก
ขณะที่ กัณวีร์ มองว่า การนิรโทษกรรมเป็นการเมืองที่ให้อภัยและการต้องเปลี่ยนผ่าน เป็นสิ่งที่เราต้องการและขอฝากคณะกรรมาธิการชุดนี้ ตั้งเป้าหมายได้ว่าจุดมุ่งหมายของการนิรโทษกรรมคืออะไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร ต้องดูว่าใครที่ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ใครที่ไม่ได้ผิด แต่ถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกปล่อยออกมา