ไม่พบผลการค้นหา
ลิซ ทรัสส์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ให้ขึ้นนายกรัฐมนตรีของประเทศแล้ว หลังทรัสส์เดินทางเข้าเฝ้าองค์พระประมุข ณ ปราสาทบัลมอรัล สกอตแลนด์ ก่อนที่ทรัสส์จะทำการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อขึ้นบริหารประเทศต่อไป

ทรัสส์ในวัย 47 ปี ได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 56 ของสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการแล้ว และเธอได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของประเทศ ทั้งนี้ ทรัสส์จะเดินทางกลับจากสกอตแลนด์มายังบ้านหมายเลข 10 บนถนนดาวนิง เพื่อแถลงต่อสื่อมวลชนและประชาชน ตลอดจนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อขึ้นบริหารงานต่อจากรัฐบาลเดิมของ บอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร

จากการคาดการณ์ในการแถลงครั้งแรก ในฐานะนายกรัฐมนตรีของทรัสส์นั้น ทรัสส์อาจมีการประกาศแผนรับมือวิกฤตราคาพลังงาน โดยมีรายงานว่าพันธมิตรทางการเมืองของเธอกำลังหารือกันในเรื่องการแช่แข็งร่างกฎหมายพลังงาน ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 1 แสนล้านปอนด์ (ประมาณ 402 ล้านล้านบาท) 

ชุดเงินช่วยเหลือดังกล่าว อาจจะถูกประกาศใช้ในวันพฤหัสบดีนี้ (8 ก.ย.) และคาดว่าจะมีการจ่ายผ่านการให้การกู้ยืมแบบพิเศษ แทนที่จะเป็นการคิดภาษีแบบลาภลอยต่อบริษัทพลังงาน ที่มีข้อเสนอดังกล่าวมาจากกลุ่มภาคแรงงาน 

ในตอนนี้ ทีมงานของทรัสส์ได้เปลี่ยนประวัติบนบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ของเธอว่าเป็น “นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ผู้แทนราษฎรจากเซาท์เวสต์นอร์โฟล์ค” เป็นที่เรียบร้อย

การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีคนสำคัญคาดว่าจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน โดยจะมีการแต่งตั้งตำแหน่งรองลงมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่าทรัสส์จะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ภักดีต่อเธอ ซึ่งหมายรวมถึง ควาซี ควาเตง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจมส์ เคลเวอร์ลี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ซูเอลลา บราเวอร์แมน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ยังมีการคาดการณ์ว่าทรัสส์จะแต่งตั้งให้ เทเรเซ คอฟเฟย์ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี ยังมีการประเมินว่า ริชี ซูนัค ซึ่งเป็นคู่แข่งท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมกับเธอ จะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรี 

นอกจากนี้ ยังมีความไม่ราบรื่น ภายหลังการแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทรัสส์กับคู่แข่งคนอื่นๆ เช่น เพนนี มอร์เดาต์, เกมี บาเดนอค และ ซาจิด จาวิด ทั้งนี้ แหล่งข่าวอาวุโสกล่าวว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขนส่ง วัฒนธรรม การศึกษา และตำแหน่งในไอร์แลนด์เหนือ ยังเป็นหนึ่งในข้อเสนอทางตำแหน่ง ที่ยังไม่ได้รับมอบหมายให้แก่ใคร

ก่อนการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของทรัสส์ จอห์นสันและแคร์รีภรรยาของตน ได้ใช้เวลาเกือบ 40 นาทีในการเข้าเฝ้า ก่อนที่จะเดินทางออกจากบัลมอรัลก่อนเที่ยงเพียงไม่กี่นาที โดยก่อนหน้านี้ จอห์นสันบอกเป็นนัยถึงความหวังที่จะกลับไปสู่การเมืองระดับหน้า ในขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีเปรียบเทียบตัวเองกับรัฐบุรุษชาวโรมันที่ถูกเรียกให้กลับมาสู้รบในครั้งสุดท้ายอีกครั้ง ด้วยการขึ้นเป็นผู้นำโรมชั่วคราว หลังตนรบชนะสงครามและกลับไปเป็นชาวนาอีกครั้ง

จอห์นสันที่ลาออกไปแล้ว กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เขาจะยังคงภักดีและสนับสนุนทรัสส์ หลังจากการออกจากตำแหน่งไป “ให้ผมบอกว่าตอนนี้ผมเป็นเหมือนจรวดบูสเตอร์ลำหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ของมันได้สำเร็จ และตอนนี้ผมจะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอย่างนุ่มนวล และกระเด็นลงมาอย่างมองไม่เห็นในมุมที่ห่างไกลและมืดมิดของมหาสมุทรแปซิฟิก” จอห์นสันย้ำว่า ตนไม่มีอะไรจะให้แก่รัฐบาลชุดใหม่ นอกเสียจาก “การสนับสนุนอย่างจริงใจที่สุด” 


ที่มา:

https://www.theguardian.com/politics/2022/sep/06/liz-truss-becomes-uk-prime-minister-meeting-queen-balmoral